เครื่องหมายการค้า R-C หมายถึง และมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

เชื่อว่า หลายคนคงเคยเห็นสัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย R หรือ C อยู่หลังโลโก้สินค้าต่าง ๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เจ้าสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้า ที่ว่านั้นคืออะไร มีความแตกต่าง หรือมีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้ Tonkit360 อาสาพาไปหาคำตอบกัน

เครื่องหมายการค้า คืออะไร

เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กำกับสินค้าหรือบริการ ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า 2534 เพื่อแสดงว่าสินค้าดังกล่าวเป็นของผู้ใด โดยเครื่องหมายการค้าที่ว่านั้น คุณอาจคุ้นเคยในคำว่า ยี่ห้อ, แบรนด์, ตราสินค้า หรือโลโก้ ตามแต่ที่จะเรียกกัน และหากลองสังเกตรอบตัว จะพบว่า สิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันล้วนมีความเกี่ยวข้องกับ “เครื่องหมายการค้า” ทั้งสิ้น ไม่ว่า จะเป็นยาสีฟัน, น้ำดื่ม หรืออาหาร ล้วนแต่มีเครื่องหมายการค้ากำกับอยู่ทั้งสิ้น

ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพราะ ?

เพื่อป้องกันการสับสนหรือหลงผิดในแหล่งที่มาของสินค้าหรือบริการดังกล่าว อาทิ หากชื่อแบรนด์ของคุณมีความคล้ายคลึงกับชื่อแบรนด์ของบุคคลอื่นที่มีการจดทะเบียนไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนภาพหรือตัวอักษร ก็ถือว่า “เครื่องหมายการค้า” ของคุณเข้าข่ายละเมิดได้

ดังนั้น การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จึงเท่ากับเป็นการยืนยันว่า สินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นของคุณ บุคคลอื่นไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้าของคุณได้

เครื่องหมายการค้า R และ C คือ

® หรือ ตัวอาร์ในวงกลม

หมายถึง โลโก้ แบรนด์ หรือเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาและได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนแล้วเท่านั้น โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้ จะอยู่หลังโลโก้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในแบรนด์นั้น ๆ ทั้งยังเป็นการเตือนเจ้าของสินค้าอื่น ๆ ให้รู้ว่า ไม่ควรมาละเมิดเครื่องหมายการค้าของคุณ

© หรือ ตัวซีในวงกลม

เป็นเครื่องหมายแสดงว่า งานชิ้นนั้นมีลิขสิทธิ์ และได้รับความคุ้มครองทันทีที่ถูกสร้างขึ้น แบบไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียน ผู้สร้างขึ้นมาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทันที โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวสามารถใช้กับงานสร้างสรรทุกประเภท อาทิ งานวรรณกรรม งานศิลปะ งานดนตรี เป็นต้น

ประโยชน์ของเครื่องหมายการค้า

สำหรับเจ้าของเครื่องหมายการค้า

ทำหน้าที่คุ้มครองผลประโยชน์ทางการค้าให้กับผู้เป็นเจ้าของที่ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวในกิจกรรมหรือธุรกิจของตน ดังนั้น ถ้ามีใครมาละเมิด เจ้าของเครื่องหมายการค้าสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับชื่อเสียงในทางการค้าด้วย

สำหรับผู้บริโภค

ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจดจำและแยกแยะสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้น จากสินค้าชนิดเดียวกันที่ใช้เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ได้โดยง่าย ซึ่งช่วยทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าได้ตรงตามต้องการ

ข้อมูลจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์