มารยาทที่ผู้ขับรถ ควรรู้และปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมทาง

สมัยนี้ การถอยรถยนต์สักคันออกจากโชว์รูมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ใช่ว่าทุกคนที่มีใบขับขี่และมีรถยนต์ จะขับรถยนต์ได้ถูกต้องตามกฎจราจร มีมารยาทในการขับรถ และให้เกียรติเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน

แล้วมีเรื่องอะไรบ้าง ที่ผู้ขับรถควรรู้ ควรนำไปปฏิบัติกับเพื่อนร่วมทาง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน วันนี้ Tonkit360 มีคำตอบมาฝากกัน

มารยาทในการขับรถเบื้องต้น ที่ผู้ขับรถ ควรรู้และปฏิบัติตาม

มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง

ถนนเป็นของสาธารณะที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนใช้ร่วมกัน ฉะนั้น คุณในฐานะผู้ขับขี่คนหนึ่งควรแสดงน้ำใจต่อผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับเราด้วย อาทิ ไม่จอดแช่เลนขวา ไม่ขับรถแซงคิวแทรกเข้าตรงเชิงสะพาน ลดความเร็วเมื่อเข้าเขตชุมชน (หมู่บ้าน/ตลาด/โรงเรียน) ไม่จอดรถในที่ห้ามจอด หรือจอดรถกีดขวางการจราจร และที่สำคัญ ไม่ควรเร่งเครื่อง เมื่อเห็นว่ามีคนรอข้ามทางม้าลาย

ใช้ไฟสูงหรือไฟตัดหมอก เมื่อมีความจำเป็น

ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟสูงโดยไม่จำเป็น เนื่องจากแสงไฟจะไปรบกวนเพื่อนร่วมท้องถนน ส่วนช่วงเวลาที่ควรใช้ไฟสูงนั้น ควรเป็นตอนที่ขับรถเข้าสู่ถนนหรือเส้นทางที่มีแสงสว่างไม่พอ

ขณะที่ไฟตัดหมอกนั้น ควรเปิดใช้ในกรณีที่มีหมอกหรือฝนตกหนัก จนทำให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นของผู้ขับขี่ต่ำลงเท่านั้น แต่หากพลั้งเผลอเปิดไฟตัดหมอกโดยไม่จำเป็น แสงไฟอาจไปแยงตาผู้ขับขี่ที่ขับรถสวนเลนมา จนนำไปสู่อุบัติเหตุ เพราะแสงไฟตัดหมอก มีประสิทธิภาพความสว่างจากกว่าการเปิดไฟสูง

ไม่ควรเหยียบเบรกบ่อย

เนื่องจากสภาพการจราจรที่คับคั่งในเมืองกรุง ประกอบกับปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้รถยนต์ต้องค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทีละนิด ส่งผลให้รถหลายครั้งต้องคอยแตะเบรกตลอด ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่ต่างไปจากปฏิกิริยาลูกโซ่ เพราะเมื่อรถคันหนึ่งเหยียบเบรก รถที่ขับตามมาก็ต้องเหยียบเบรกด้วยเช่นกัน

และพฤติกรรมเหยียบเบรกบ่อย ๆ ยังอาจทำให้ระบบเบรกของรถคุณเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เป็นผลให้รถของคุณมีความเสี่ยงจะ “เบรกแตก” สูงตามไปด้วย

ไม่ควรขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า

การขับรถแบบจี้ท้ายคันหน้า เสี่ยงต่อการชนท้ายเป็นอย่างมาก และหากเกิดขึ้นผู้ที่ขับรถชนท้ายมักจะเป็นฝ่ายผิด ฉะนั้น คุณควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าตามระยะเบรกที่ปลอดภัย

โดย “ระยะเบรกที่ปลอดภัย” นั้น อาจพิจารณาตามสภาพแวดล้อมก็ได้ อาทิ คุณกำลังขับรถขึ้นดอยม่อนแจ่ม ที่เป็นเนินชัน และมีจุดโค้งหักศอก ก็ควรทิ้งระยะห่างจากคันหน้าในระยะทางที่มากกว่าเดิม จากเว้นระยะ 20-30 เมตร ขยับมาเป็น 50-60 เมตร หรืออาจมากกว่านั้น เพื่อป้องกันกรณีที่รถคันหน้าไหลถอยหลังมาชนคุณ

รู้จักขอบคุณและขอโทษเพื่อนร่วมทาง

เมื่อเจอเพื่อนร่วมทางที่มีน้ำใจต่อเรา ไม่ว่าจะช่วยให้ทางหรือช่วยหรี่ไฟสูงลงมา ก็ควรแสดงความขอบคุณด้วยการโค้งศีรษะและยิ้มให้ หรือจะใช้วิธีเปิดไฟกระพริบฉุกเฉินก็ได้

ในทางกลับกัน เมื่อมีรถหยุดให้คุณเดินข้ามถนน ก็ควรโค้งศีรษะขอบคุณเช่นกัน แม้การแสดงความขอบคุณกับเพื่อนร่วมทางอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างความรู้สึกดี ๆ บนท้องถนนได้

แล้วถ้าเป็นกรณีที่เราเผลอทำพฤติกรรมที่ไม่ดี อย่างเปลี่ยนเลนกะทันหัน ขับรถตัดหน้ารถคันอื่นล่ะ หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ควรทำเพื่อลดความตึงเครียดที่อาจนำไปสู่การทะเลาะวิวาท คือ การโค้งศีรษะ ยกมือ หรือเปิดไฟกระพริบ เพื่อขอโทษเพื่อนร่วมทาง

แต่หากบังเอิญรถของคุณติดฟิล์มดำมืดจนมองไม่เห็นว่า มีใครอยู่บนรถบ้าง ก็อาจใช้วิธีเปิดกระจกเพื่อขอบคุณหรือขอโทษก็ได้

เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้ง เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน

ผู้ขับขี่ทุกคน ควรย้ำกับตัวเองบ่อย ๆ ว่า รถของเรามีไฟเลี้ยวที่สามารถเปิดใช้งานได้จริง ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือเปลี่ยนเลน ก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อนทุกครั้ง เพื่อให้รถคันอื่น ๆ ชะลอให้รถของคุณเข้าไปยังเส้นทางที่ต้องการ ไม่ใช่ใจนึกอยากจะไป ก็ไปได้ทันที นอกจากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุแล้ว คุณจะยังได้เสียงก่นด่าไปถึงบรรพบุรุษตามหลังมาแน่ ๆ

ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร

ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด อย่าลักไก่กลับรถในที่ห้ามกลับรถ หรือเบี่ยงจากช่องทางหลักเข้าช่องคู่ขนาน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า จุดดังกล่าวมีเครื่องหมายจราจรระบุให้ รถที่วิ่งในช่องคู่ขนานสามารถเบี่ยงเข้าช่องทางหลักเท่านั้น

พฤติกรรมชอบฝ่าฝืนกฎจราจรเหล่านี้ นอกจากสร้างความสงสัยกับเพื่อนร่วมทางว่า คุณซื้อใบขับขี่ มาหรืออย่างไร ? ยังเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ และหากเกิดเหตุขึ้นจริง นอกจากเจ็บตัว รถพัง เจอทั้งโทษจำคุกหรือปรับ และถ้าร้ายแรงมาก ก็อาจถึงขั้นเสียชีวิต (อาจเป็นคุณ/คู่กรณี) ได้

เมาแล้วขับ

“เมาแล้วขับ” เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่จะนำพาเรื่องเลวร้ายชนิดคาดไม่ถึงมาสู่ตัวคุณ ครอบครัว และเพื่อนร่วมทางได้ง่ายดายที่สุด ดังนั้น หากรู้ตัวว่า “เมา” ก็ควรใช้บริการรถสาธารณะในการเดินทาง หรือคุณจะโทรให้คนที่ไว้ใจมารับแทนการขับรถเองก็ได้

เล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

รู้หรือไม่ว่า การเล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ติดไฟแดง หรือรถติดเพราะมีอุบัติเหตุกีดขวางการจราจร ล้วนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น เนื่องจากสมาธิที่ควรเพ่งอยู่กับการขับรถ ถูกย้ายไปอยู่กับโทรศัพท์มือถือแทน

บางคนอาจคิดว่า “ทำแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” หรือ “รถติดแบบนี้ ใคร ๆ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นทั้งนั้น” หากคุณกำลังคิดเช่นนี้ ขอเตือนเลยว่า คุณกำลังประมาทอย่างแรง เพราะขนาดผู้ที่มีประสบการณ์ขับรถมานับ 10 ปี ก็ยังประสบอุบัติเหตุได้เลย

ที่สำคัญคุณอาจลืมไปว่า ต่อให้คุณระมัดระวังเพียงใด ก็ไม่ได้รับประกันว่า เพื่อนร่วมทางของคุณจะขับรถอย่างระมัดระวังเช่นกัน

ฉะนั้น เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ คุณควรงดเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้งานโทรศัพท์มือถือจริง ๆ ก็ให้หาจุดที่ปลอดภัยเพื่อจอดรถเสียก่อน

ขับรถคร่อมเลน

คือ การขับรถคร่อมเลนกินพื้นที่จราจร จะไปซ้าย ก็ไม่ซ้าย จะไปขวา ก็ไม่ขวา พฤติกรรมแบบนี้ ไม่น่ารอดจากการโดนด่า หรือไปรบกวนการขับของรถคันอื่น

ดังนั้น ทุกครั้งที่เข้าไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ขอให้คุณใส่ใจความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมทางให้มาก ๆ เพราะไม่ว่าใครก็มีคนที่รักรออยู่ที่บ้านทั้งนั้น