พยานปากเอกที่ชื่อ VAR

ก่อนทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้น ผมเคยออกความเห็นผ่านพื้นที่ตรงนี้ว่า VAR น่าจะทำให้เสน่ห์ของฟุตบอลถูกลดทอนลงไป แต่เมื่อการแข่งขันรอบแรกของทุกกลุ่มกำลังจะผ่านพ้นไป ความคิดดังกล่าวกลับกลายเป็นตรงกันข้าม

ภาพลักษณ์ของ VAR (Video Assistant Referee) มีประเด็นมายหลังจากนำมาทดลองใช้ในฟุตบอลถ้วยของอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึง มีลูกปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นข่าวดัง ทั้งในบุนเดสลีกา ของเยอรมนี และไชนีส ซูเปอร์ลีก ของจีน มันทำให้ผมด่วนตัดสินไอ้เจ้าระบบนี้ไปว่า “ไม่น่าจะเวิร์ค”

ทว่าสิ่งที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกได้เห็น คือความยุติธรรมที่เกิดขึ้นเกมฟุตบอลมีมากขึ้น แม้มันจะไม่ได้ถูกต้องเป๊ะ แต่โดยรวมถือว่าทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ โดยเฉพาะการที่สามารถเป็นพยานปากเอก หอบหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า ลูกไหนสมควรเป็น หรือ ไม่เป็นจุดโทษ

จังหวะที่ผมสะใจที่สุดคือการที่ VAR ช่วยทำให้ผู้ตัดสินยกเลิกจุดโทษที่เนย์มาร์ดีดดิ้นเรียกจุดโทษในเกมบราซิลพบกับคอสตาริกา นั่นคือผลงานที่เข้าตาของ VAR ในการเอาผิดพวกนักเตะจอมตบตาได้ชนิดไร้ข้อโต้แย้ง เพราะหลักฐานถูกฉายไปทั่วโลก

แต่อย่างที่บอกครับ VAR มันไม่ได้ทำให้การตัดสินถูกต้อง 100 เปอร์เซนต์ เพราะเหนือ VAR ยังมีผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย เหมือนกับคำพิพากษาของศาล ซึ่งไม่มีทางที่จะทำคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพอใจได้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง จังหวะสับศอกของโรนัลโด้ในเกมโปรตุเกสพบอิหร่าน ซึ่งคนส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าควรจะเป็นใบแดง!

ประเด็นโรนัลโด้ไม่โดนใบแดง มันทำให้คิดไปได้หลายแง่มุม อาทิ 1.ผู้ตัดสินคิดว่าควรจะเป็นแค่ใบเหลืองจริงๆ 2.เพราะนักเตะคนนี้คือโรนัลโด้ และ 3.เหตุผลที่หลายคนคิดแต่พูดออกมาไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะหาว่าไปใส่ร้ายฟีฟ่า (ฮา)

อย่างไรก็ดีผมยังมองว่า VAR เวิร์คมากในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มันสามารถคงความยุติธรรมเอาไว้ได้ถึง 80 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซนต์ที่เหลือก็เป็นเรื่องของมนุษย์และปัจจัยอื่นๆที่สามารถเกิดขึ้นได้

ส่วนถึงเวลาหรือยังที่ VAR จะเข้าไปโลดแล่นในลีกยอดนิยมอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผมเชื่อว่าหากเป็นไปตามมาตรฐานที่ฟีฟ่าทำให้เห็นในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็คงไม่มีใครค้าน

แต่หากพรีเมียร์ลีกทำไม่ได้ถึงระดับนี้ ก็อย่าฝืนใช้มันเลยครับ