
หลังจบเกมโมโตจีพี 2018 สนามที่ 2 ที่ ประเทศอาร์เจนติน่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีใครพูดถึงนักบิดที่คว้าแชมป์เลย เพราะข่าวบนหน้าเว็บไซต์ และประเด็นบนโลกออนไลน์ ล้วนโฟกัสไปที่เหตุการณ์ มาร์ค มาร์เกซ ซัดกับ วาเลนติโน่ รอสซี่ ในช่วงท้ายของการแข่งขัน
คู่กัดต่างวัยที่เพิ่งจะมาโชว์ลีลาการบิดรถโมโตจีพีในเมืองไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปะทะกันบนแทร็คอีกครั้งที่อาร์เจนติน่า โดยครั้งนี้ มาร์เกซ ควบรถฮอนด้า เบอร์ 93 สอยรถยามาฮ่าหมายเลข 46 ของรอสซี่ ล้มลงไปต่อหน้าต่อตา จนมีประเด็นดราม่ามากมายตามมา โดยเฉพาะภาพที่มาร์เกซ พยายามจะเดินเข้าไปขอโทษรอสซี่ที่พิต แต่โดนทีมงานของรอสซี่ไล่ตะเพิดออกมาชนิดหมดฟอร์มแชมป์โลก
ผมไล่ดูบทสัมภาษณ์หลังจบเรซ จากฝั่งรอสซี่ และมาร์เกซ ฟันธงได้เลยว่า คู่นี้คงมองหน้ากันไม่ติดไปจนจบฤดูกาลแน่นอน เพราะ “เดอะ ด็อกเตอร์” มองว่า มาร์เกซ จงใจชน! และกำลังทำลายกีฬาชนิดนี้ ขณะที่มาร์เกซ ก็ยืนยันหัวชนฝาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือความผิดพลาดจากสภาพแทร็กที่เปียก และเขาเองก็พยายามยกมือขอโทษแล้ว
มองจากเหตุการณ์นี่เกิดขึ้น แน่นอนครับ มาร์เกซ ผิดเต็มประตู ที่ไถลเข้าไปใส่รอสซี่ในโค้งแบบนั้น แต่ผมยังเชื่อว่า มาร์เกซ ไม่ได้มีเจตนาขี่เพื่อชนให้ล้มแน่นอน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากการที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ความจริงคือนักบิดทุกคนต้องรู้ว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะเข้าโค้งแบบนั้น และเขาเองก็สามารถเลี่ยงได้ที่จะไม่เข้าไปปะทะกับรอสซี่ หรือกระทั้ง เหตุการณ์กับ อเล็กซิส เอสปาร์กาโร ในรอบก่อนหน้า
อย่างที่ผมเคยเขียนในคอลัมน์ไปเมื่อช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว ว่า มาร์เกซ หรือที่ “น้าเบ๊ด” มนูสาสน์ ผู้บรรยายมอเตอร์สปอร์ตมือหนึ่งของไทย ให้คำจำกัดความว่า “เด็กบ้า” เด็กคนนี้มีความบ้าบิ่นอยู่ในตัวเกิดขีดจำกัด และบางทีก็ดูจะมากเกินไป สังเกตจากการขี่รอบซ้อม รอบคัดเลือก หรือรอบแข่งขัน หมอนี่ใส่เกิน 100 เปอร์เซ็นต์ตลอด อย่างในปีที่แล้วที่มีสถิติบอกว่าเขาล้มมากที่สุดในโมโตจีพี
ฉะนั้นจากบทสัมภาษณ์ของ “รอสซี่” ผมมองว่ารุนแรงเกินไป เพราะ มาร์เกซ คงไม่ได้จงใจเหมือนครั้งที่ไมเคิล ชูมัคเกอร์ ชนคู่แข่งทั้ง ดามอน ฮิลล์ และฌัคส์ วิลเนิร์ฟ ให้ออกจากการแข่งขัน
ท้ายที่สุด เวลา และ ประสบการณ์ จะสั่งสอนเขาเองครับ แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่า “MM93” ผิดเต็มๆ
ปล. แชมป์สนามนี้คือ คาร์ล ครัชท์โลว์ นักบิดจอมเก๋าจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า นะจ๊ะ รู้ยัง