9 ศาสตรา – จง “ศรัทธา” ในสิ่งที่ทำ

ด้วยอายุใกล้แตะเลข 3 อยู่รอมร่อ เปลี่ยนสถานะตัวเองจากวัยรุ่นเป็นผู้ใหญ่ ทำให้ตัวผู้เขียนไม่มีความรู้สึกอยากดูหนังการ์ตูนอนิเมชั่นเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการ์ตูนที่ขายความเป็นไทยมากๆด้วยนี่ยิ่งตีตัวออกห่างเลย ไม่เว้นแม้แต่เรื่อง “9 ศาสตรา” ซึ่งสารภาพกันตามตรงเลยว่าไม่คิดอยากดูเลย ดูตัวอย่างก็เฉยๆ แต่ด้วยกระแสที่หลายคนชื่นชมอย่างกว้างขวางทั้งทางโซเชียลฯ หรือคนรอบตัวจึงตีตั๋วเข้าไปพิสูจน์สักหน่อย ก่อนเดินออกจากโรงแบบประทับใจมากๆ

9 ศาสตรา คือการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องยาวฝีมือคนไทยของ 2 ผู้กำกับ กันย์ พันธ์สุวรรณ และ ณัฐ ยศวัฒนานนท์ ที่หยิบเอาศิลปะการต่อสู้อย่าง มวยไทย มาผสมผสานกับเรื่องราวแฟนตาซี เนื้อหาเริ่มต้นที่ เทหะยักษา อสูรผู้โฉดชั่ว นำไพร่พลยักษ์ของตัวเองเข้ายึดเมือง “รามเทพนคร” พร้อมมุ่งทำลาย 9 ศาสตรา สุดยอดศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง รวมถึงจับคนในหมู่บ้านและเด็กๆที่ฝึกมวยไทยไปคุมขัง เพราะมีคำทำนายที่ว่าจะมีเด็กในหมู่บ้านนี้จะเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นช่วยกอบกู้เมืองนี้กลับคืนมา แต่ จมื่นพันธ์ ทหารเอกของเมืองก็นำอาวุธและเด็กชายที่ชื่อ อ๊อด หลบหนีออกมาได้ และสอนให้เจ้าตัวร่ำเรียนมวยไทยเพื่อฝากฝังให้นำบ้านเกิดเมืองนอนกลับสู่ความสงบอีกครา

ตัวเนื้อเรื่องมาตามสูตรสำเร็จทั่วไปคือการหา “ฮีโร่” ไปกอบกู้โลก-บ้านเมืองที่ถูกทำลาย ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกภาพยนตร์แต่ก็นำเสนอเรื่องราวเดิมๆออกมาได้น่าติดตามดี นอกจากนี้ถึงภาพจะออกมาดูเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก แต่มันก็ฉาบความรุนแรงผสมลงไปเล็กน้อย (ต่อยทีเลือดกระเด็น มีรอยฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายของตัวละคร) น่าจะถูกใจคนที่อยากดูการ์ตูนที่ชอบดูเนื้อหาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ด้วย

มาที่เรื่องของภาพและตัวละคร เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่มักจะเกิดอคติกับการ์ตูนอนิเมชั่นของบ้านตัวเอง ดูถูกว่าภาพไม่สวย สู้เมืองนอกไม่ได้ บอกเลยว่า “9 ศาสตรา” จะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมองใหม่เพราะฉากในเรื่องสวยงามมาก เรนเดอร์มาจากสถานที่จริงในเมืองไทยหลายส่วน (ฉากที่อยู่บนเกาะสมจริงมาก เห็นแล้วอยากไปเที่ยว) ขณะที่ตัวละครก็มีการดีไซน์บุคลิก-รายละเอียดให้จดจำทั้ง อ๊อด พระเอกนักมวยไทย มีรอยสักอักขระติดตัวมากมาย, เทหะยักษา วายร้ายผู้น่าเกรงขาม, เสี่ยวหลาน จอมโจรหญิงชาวจีนที่สวยโดนใจหนุ่มๆ และตัวละครอื่นที่ออกมาสร้างสีสันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำการเคลื่อนไหวออกมาดีมาก โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ออกแบบช็อตมาได้แบบตื่นเต้นดุเดือด เหมือนกำลังเล่นวีดีโอเกมเลยทีเดียว

ส่วนของงานพากย์ตัวละคร ตรงนี้ยังคิดว่าเฉยๆอยู่ไม่โดดเด่น แต่ซีนที่ต้องใช้อารมณ์เศร้าๆ นักพากย์แต่ละคนก็ทำได้ดี นอกจากนี้ยังอยากชื่นชมไอเดียแฟนตาซีต่างๆที่เพิ่มมิติให้หนังที่ขายความเป็นมวยไทยแบบเชยๆน่าสนใจมากขึ้น ดูอินเตอร์ ไม่ล้าสมัย ยกตัวอย่างเช่นการจับกองทัพยักษ์ ยัดใส่ลูกกระสุนปืนใหญ่แล้วยิงไปตกในหมู่บ้าน ก่อนจะปลดล็อคตัวเองออกมาเล่นงานผู้คน หรือฉากไล่ล่าบนเรือเวหา

สรุปแล้วเป็นอนิเมชั่นที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ไม่น่าเบื่อ แถมยังแฝงแง่คิดเล็กๆกลับไปว่า “จงศรัทธาในสิ่งที่ทำ” กล่าวคือในเนื้อเรื่อง อ๊อด ทีแรกเขาก็ไม่ได้อยากจะรับบทบาทเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้หมู่บ้าน เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ แต่สุดท้ายเขาก็เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองและความถูกต้อง จึงทำให้เขายินดีรับภารกิจนี้ มุ่งหน้าฝ่าฟันอุปสรรคด้วยความกล้าหาญและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้

ก็เหมือนกับทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งผู้เขียนเชื่อมั่นว่าพวกเขาคงถูกสบประมาทจากผู้คนมากมายในช่วงเวลากว่า 4 ปีแห่งการสรรค์สร้าง กระนั้นด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา ทุกคนจึงมุ่งมั่นผลิตอนิเมชั่นเรื่องนี้จนสามารถนำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้สำเร็จ และพวกเขาก็คงได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจมากๆแล้วเมื่อมีคนดูทั่วประเทศยอมทลายกำแพงอคติในใจ เข้าไปพิสูจน์ในโรงภาพยนตร์ จนเป็นกระแสปากต่อปากขณะนี้