Along with the Gods: The Two Worlds – จงละอายต่อบาป

เห็นภาพโปสเตอร์หน้าโรงภาพยนตร์ บวกกับดูหนังตัวอย่างที่มีแต่ฉากบู๊สนั่นลั่นทุ่ง คงทำเอาคอหนังหลายคนคิดว่า Along with the Gods: The Two Worlds เป็นหนังแอ็คชั่นบู๊สะบั้นหั่นแหลกระหว่างมนุษย์กับยมทูต แต่เมื่อตีตั๋วเข้าไปดูแล้วกลับพบว่าไม่ใช่แบบที่เห็นเลยสักนิด แต่เป็นหนังดราม่าที่มาพร้อมไอเดียเรื่องบาปกรรมที่น่าสนใจยิ่ง

หนังดัดแปลงจากการ์ตูนออนไลน์ชื่อดังของเกาหลีใต้ ว่าด้วยเรื่องของ คิม จาฮง นักดับเพลิงหนุ่มที่พยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในตึกที่เกิดเหตุเพลิงไหม้จนเสียชีวิตแบบไม่รู้ตัว ก่อนจะพบว่ามีทีมยมทูตทั้ง 3 จากนรกมารอต้อนรับ เพื่อพาไปขึ้นศาลต่อสู้คดีทั้ง 7 แห่ง หากศาลทั้งหมดพิจารณาว่าเขาเป็นคนดี ก็จะได้รับสิทธิ์ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ทว่าก็ไม่ง่ายเพราะขณะที่พระเอกต้องต่อสู้คดีกับศาลต่างๆในนรก น้องชายของเขาซึ่งเสียชีวิตกระทันหัน ก็เข้ามาปั่นป่วนยังเมืองนรกทำให้การเดินทางไปสู้คดียากลำบากขึ้น และเมื่อผ่านไปสู่ศาลชั้นท้ายๆ เขาก็ต้องเผชิญกับบาปกรรมชั่วร้ายในอดีตเป็นบททดสอบสุดโหดที่ต้องลุ้นกันว่า คิม จาฮง จะสามารถไปเกิดเป็นมนุษย์ได้หรือไม่?

ดูจากหน้าหนังที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ และ สเปเชียล เอฟเฟกต์ สุดอลังการ ก็ไม่น่าแปลกใจหากหลายคนจะเข้าใจผิดซื้อตั๋วเพราะอยากดูหนังแอ็คชั่นสนุกๆ แต่มันคือหนังดราม่าเชิงสืบสวนสอบสวน ซึ่งเล่าเรื่องตัดสลับกันระหว่างพระเอกที่ต้องต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยมีทีมงานยมทูตทำหน้าที่เป็นอัยการช่วยแก้ต่าง กับการสืบสวนหาความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของพระเอกบนโลกมนุษย์ สอดแทรกฉากแอ็คชั่นมาแบบพอหอมปากหอมคอ ซึ่งเอาจริงก็ไม่ได้เป็นหนังซีเรียสมาก เพราะมันเล่าออกมาได้บันเทิงดี ดูไม่ยาก มีทั้งดราม่า ตลก ซาบซึ้ง ปะปนกัน

แม้การพูดเรื่องบาปบุญคุณโทษอาจไม่ใช่ของใหม่ในโลกภาพยนตร์ (แถมยังเป็นบทที่มาจากการ์ตูนอีกต่างหาก) แต่ไอเดียที่จับเอาบาปทั้ง 7 ประการมาตีความใหม่เป็น ฆาตกรรม, หลอกลวง, อยุติธรรม, เกียจคร้าน, หักหลัง, ความรุนแรง, อกตัญญู มาโยงกับการตัดสินคดีในชั้นศาลก็ถือเป็นแนวคิดที่เข้าท่า แต่มันจะออกมาดีไม่ได้เลยหากหนังไม่ได้พาคนดูไปสำรวจชีวิตของตัวละครแบบลึกซึ้ง ซึ่งตัว ผกก. คิม จองฮวา และทีมงานก็ถ่ายทอดส่วนนี้ออกมาได้น่าประทับใจ เล่นเอาคนดูลุ้นกันไม่ติดเก้าอี้ยามที่พระเอกเข้าสู่ศาลชั้นท้ายๆ

ขณะเดียวกัน หากบทที่ดีไม่ได้มาพร้อมกับนักแสดงที่มีฝีมือก็คงเป็นเรื่องน่าผิดหวัง แต่ไม่ใช่กับทีมนักแสดงหลักทั้ง 4 คน นำโดย ชา แต ฮุน ที่สลัดมาดพระเอกเจี๋ยมเจี๊ยมที่ติดตัวเขามาตลอด มาเป็นนักดับเพลิงที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวโดยไม่คำนึงว่าจะสร้างบาปกรรมให้แก่ผู้อื่นหรือเปล่า, ฮา จุง วู นักแสดงจอมเก๋ากับบทหัวหน้ายมทูตที่คอยช่วยเหลือพระเอกที่เปรียบเสมือนลูกค้าของเขา ซึ่งก็เล่นได้ทั้งเศร้าและฮาในคราวเดียวกัน ส่วนอีกสองหน่อทีมงานยมทูต จู จี ฮุน กับ คิม ฮยาง กี ความหล่อ-สวย และการแสดงของพวกเขาก็ถือเป็นสีสันที่ทำให้หนังดูผ่อนคลาย

ตัวหนังอาจมีปัญหาอยู่บ้างในส่วนการตัดสินคดีของบางศาลที่ถูกเล่าแบบข้ามไปซะเฉยๆ ทำให้ช่วงแรกของหนังดูเหมือนจะปูทางให้พระเอกไปเกิดใหม่ได้ง่ายซะเหลือเกิน แต่เมื่อผ่านไปครึ่งทางก็เปลี่ยนโหมดกลับมาซีเรียสขึงขัง โดยเฉพาะการตัดสินในศาลสุดท้าย ที่ชวนให้คนดูที่เอาใจช่วยพระเอกมาตลอดทั้งเรื่อง ลองตั้งคำถามในหัวว่าหากตัวเองได้เป็นผู้พิพากษาตัดสินชีวิตพระเอก จะยอมให้เขาได้รับการพิจารณายกฟ้องหรือไม่ เพราะบาปสุดท้ายของเขานั้นถือว่ารุนแรงทีเดียว แม้จะมีเหตุผลมารองรับก็ตาม ขณะเดียวกันก็ต้องชมว่า ชา แต ฮุน เล่นฉากนี้ได้ดีมากเล่นเอาน้ำตาไหลเลย ส่วน สเปเชียล เอฟเฟกต์ ในฉากแอ็คชั่นถึงจะดูลอยๆบ้างแต่หากเทียบกับหนังเอเชียด้วยกัน เรื่องนี้ก็ทำได้ดีมากแล้ว

หนังจบลงด้วยการปูทางว่าคนดูจะได้เห็น 3 ยมทูตสุดเท่และน่ารัก กลับมามีบทบาทในภาคสองแน่นอน (ถ่ายทำเสร็จแล้ว รอฉายช่วงกลางปี 2018) แต่นอกเหนือจากความสนุกสนาน หนังยังเตือนสติคนดูแบบอ้อมๆทำนองไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไร ขอให้นึกถึงผู้อื่นและคนรอบข้างเอาไว้บ้าง เพราะทุกการกระทำล้วนมีผลสะท้อนกลับมาหาเราเสมอ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า