ร้อนๆแบบนี้ หาวิธีดูแล “รถคันโปรด” ของคุณกันดีกว่า

ว่ากันว่าประเทศไทย มีแค่ 2 ฤดู นั่นก็คือ ฤดูร้อน กับ ฤดูร้อนมาก ซึ่ง เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคมแบบนี้ทีไร เตรียมใจเอาไว้ได้เลยกับความร้อนที่ส่อแววแตะหลัก 40 องศา เซลเซียส วันนี้ Tonkit360 มีเคล็ดไม่ลับเอาใจคนรักรถ กับวิธีการรักษารถคันโปรดของคุณในช่วงที่อากาศบ้านเราร้อนระอุแบบนี้มาฝากกัน


1.ม่านบังแดดในรถสิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม
ทุกครั้งที่คุณจอดรถที่คุณรักไว้กลางแดด นอกจากความร้อนในห้องโดยสารที่มีโอกาสจะขึ้นไปสูงแตะ 60 องศาเซลเซียสแล้ว แสงแดดจะทำลายทั้งคอนโซล เบาะ และพวงมาลัย ฉะนั้น ม่านบังแดดที่มีจะแถมมาเมื่อตอนซื้อรถ หรือที่มีขายกันทั่วไปในซูเปอร์มาร์เกต ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจมองข้ามนะจ๊ะ


2.เคลือบน้ำยารักษาเบาะและคอนโซล
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะมีส่วนช่วยรักษารถของคุณจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด คือน้ำยาเคลือบเบาะที่เมื่อคุณเคลือบเบาะที่เป็นหนัง รวมถึงชิ้นส่วนที่เป็นคอนโซลในรถ น้ำยาชนิดนี้จะทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง หรือถ้าจะให้ครบสูตร ก็ควรมีน้ำยาที่เคลือบส่วนของยาง และแว็กซ์สำหรับเคลือบสีรถ ทั้งหมดนี้ จะสามารถยืดอายุอุปกรณ์และรถของคุณได้แน่นอน


3.ฟิล์มกรองแสดง ยุคนี้แนะนำว่าควรมีสัก 60 เปอร์เซนต์
ในยุคปัจุบัน แม้จะมีเทคโนโลยี ฟิล์มกรองแสงหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ ที่ทั้งป้องกันยูวีรวมถึงควบคุมอุณหภูมิได้ แต่นั่นก็เป็นฟิล์มในระดับที่ราคาค่อนข้างสูง ฉะนั้น หากพูดกันง่ายๆ ใช้ฟิล์มเกรดปกติธรรดา ก็ควรที่จะติดฟิล์มที่มีความเข้มราวๆ 60 เปอร์เซนต์สำหรับด้านข้าง และ 40 เปอร์เซนต์สำหรับด้านหน้า แต่หากใครมั่นใจว่า จะติดเข้มกว่านี้ แล้วไม่มีปัญหาในการขับช่วงกลางคืนจะติดเข้มกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน


4.ถ้าเลือกได้ควรจอดรถในร่มหรือใต้ร่มไม้
ถ้าหากเลือกได้ ในช่วงเวลากลางวันที่แดดเปรี๊ยงขนาดนี้ เราควรนำรถไปจอดในที่ร่ม หรืออย่างน้อยใต้ร่มไม้ใหญ่ที่พอจะมีร่มเงาบ้าง แต่อย่าลืมตรวจให้ละเอียดเสียก่อน ว่าใต้ต้นไม้ที่เราไปจอดนั้น มียางไม้ หรือผลไม้อะไรที่มีโอกาสหล่นใส่รถของเราจนเป็นอันตรายต่อสีรถและตัวรถของเราหรือไม่


5.ตรวจสอบแบตเตอรี่ ด้วยนะจ๊ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแบตเตอรี่เกี่ยวอะไรกับช่วงหน้าร้อน ในยุคปัจจุบัน แม้รถยนต์รุ่นใหม่ๆจะใช้แบตเตอรี่แบบแห้งที่ไม่ต้องยุ่งกับการเติมน้ำกลั่น แต่รถส่วนใหญ่ ยังคงใช้แบตเตอรี่ แบบกึ่งเปียกกึ่งแห้งที่ต้องพึ่งพาน้ำกลั่นอยู่ ฉะนั้น เมื่ออาการร้อนมากๆน้ำกลั่นในแบตเตอรรี่ก็มีโอกาสที่จะระเหยจนเป็นเหตุให้รถของเรามีปัญหาได้


6.อย่าลืมตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำ
ในรถยุคปัจจุบัน ทุกคันเมื่อเปิดฝากระโปรงออกมาแล้ว ที่บริเวณหม้อพักน้ำจะมีมาตรวัดปริมาณน้ำว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งเราควรตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำอยู่สม่ำเสมอให้อยู่ในระดับที่พอดี โดยเฉพาะที่ใช้งานมาแล้วตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และเมื่อเช็คน้ำแล้ว ก็ลองสตาร์ทรถฟังเสียงพัดลมที่อยู่ติดกับหม้อน้ำว่าทำงานปกติหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อคุณขับออกไปเจอสภาพอากาศร้อนๆแบบนี้ มีโอกาสความร้อนขึ้นได้เช่นกัน


7.กำหนดเวลาเดินทางเลี่ยงช่วงอากาศร้อน
สุดท้ายหากเลือกได้ควรจะกำหนดเวลาเดินทางในช่วงที่เป็นช่วงเช้า หรือ ช่วงค่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน แต่หากเลือกไม่ได้ และต้องเดินทางยาวๆ ก็ควรที่จะหยุดพักทุกๆ 200-300 กิโลเมตร เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัดและยางที่ต้องทำงานหนัก นอกจากนี้ในสภาพร้อนจัด หากคุณจอดรถในที่ที่มีน้ำขังหรือเพิ่งจะล้างรถมาใหม่ๆ ก็ไม่ควรที่จะออกมาขับทำความเร็วบนผิวถนนร้อนๆแบบทันที เนื่องจากอุณหภูมิยางที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน อาจทำให้ยางของคุณระเบิดได้นั่นเอง

ข้อมูลและภาพจาก www.wikihow.com