สืบเนื่องจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ยังไม่ฟันธงชัดเจนว่าจะลงสมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้งหรือไม่ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม ปีหน้า ทำให้เวลานี้มีผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วนับสิบราย
ล่าสุด ผู้สมัครที่กำลังได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ หลังประกาศตัวชัดเจนว่าจะขอสมัครชิงตำแหน่งนี้กับปูติน คือ เซนีย่า ซอบชัค สาวสังคมคนดังวัย 35 ปี ที่ได้รับฉายาว่า “ปารีส ฮิลตัน แห่งรัสเซีย” ด้วยเหตุผลที่ว่า “คนรุ่นใหม่ที่เติบโตกันหมดแล้วตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ต่างต้องการเห็นรัสเซียที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งความศิวิไลซ์ และความเป็นยุโรป”
ทั้งนี้ เป็นเพราะรัสเซียอยู่ภายใต้การปกครองของปูตินมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก เมื่อปี 2000 หรือ 17 ปีก่อน โดยนั่งเก้าอี้ผู้นำ 2 สมัยติดต่อกัน ระหว่างปี 2000-2008 ก่อนจะโยกไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี 2008-2012 เนื่องจากกฎหมายระบุให้ดำรงตำแหน่งได้แค่ 2 วาระติดต่อกันเท่านั้น
จากนั้น ในปี 2012 ปูติน ได้รับเลือกให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้ง โดยสลับตำแหน่งกับ ดมิทรี เมดเวเดฟ ที่ถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดให้กับปูตินในช่วงที่ไม่สามารถนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศได้ จึงเท่ากับว่า 17 ปีที่ผ่านมา รัสเซียต้องตกอยู่ในร่มเงาการปกครองของปูตินมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ ซอบชัค ผู้ซึ่งทายาทของ อนาโตลี อเล็กซานโดรวิช ซอบชัค อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับปูตินในสมัยเริ่มแรกที่เข้าสู่แวดวงการเมือง จึงต้องการเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เพื่อเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ เมื่ออายุถึงเกณฑ์ที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เธอมีอาชีพเป็นนักข่าวและพิธีกรชื่อดังด้วย อีกทั้งเคยเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่แสดงตัวว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับปูติน ในปี 2012 ที่เขาได้รับเลือกตั้งให้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า คะแนนนิยมที่มีต่อซอบชัค อาจจะกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตในการขวางปูติน
เพราะนั่นอาจทำให้เกิดเสียงแตกในการลงคะแนนโหวตของประชาชนที่ไม่ชอบปูตินได้ แทนที่คนจะไปเทคะแนนให้กับ อเล็กเซ นาวัลนี่ ผู้นำฝ่ายค้านที่รณรงค์หาเสี่ยงทั่วประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อโค่นอำนาจของปูตินได้อย่างเบ็ดเสร็จ ก็อาจทำให้ต้องแบ่งคะแนนกันเอง
สุดท้าย ตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ก็คงหนีไม่พ้น คนหน้าเดิมแต่ทรงอิทธิพลอย่าง “ปูติน” อีกตามเคย!