
เคยเป็นกันไหม? ที่ตัดสินใจเปิดซีรีส์เรื่องที่กดข้ามตลอดขึ้นมาดูเพราะไม่รู้จะดูอะไรดี และด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้มันไม่เป็นกระแสในบ้านเรา (แต่มีซับไทยนะ ดูได้ที่ True Visions NOW) นักแสดงไม่ใช่ตัวพ่อตัวแม่ของวงการ และแทบไม่เห็นรีวิวหรือโพสต์ชวนคุยในกลุ่มซีรีส์เลยสักโพสต์ ตอนที่เปิดใจดูก็เลยเปิดขึ้นมาแบบไม่คาดหวัง บอกเลยว่าช่วงแรก ๆ ของอีพีแรกนี่ดูด้วยสภาพตาลอย ๆ คิดนั่นคิดนี่ในหัวเพราะไม่คิดว่ามันจะดี แต่ค่ะแต่…แค่ 15 นาทีแรกก็แบบ เฮ้ย! สนุกดีว่ะ ไม่แย่นี่หว่า สนุกกว่าที่คิดด้วย
Heroes Next Door หรือชื่อภาษาไทย หน่วยลับข้างบ้านเฉพาะกิจ เล่าเรื่องราวของเหล่าอดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่มารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อสวมบท “ฮีโร่บ้าน ๆ” การรวมตัวของพวกเขาหาใช่ภารกิจปกป้องประเทศชาติหรือพิทักษ์สันติภาพโลก แต่เป็นการปกป้องชุมชนที่อยู่อาศัยของพวกเขาเท่านั้นเอง เพราะที่นี่เป็น “บ้าน” ของพวกเขา มีครอบครัว มีคนที่พวกเขารัก มีเพื่อนบ้านที่น่ารักที่เติบโตด้วยกันมาอย่างสนิทสนม ในเมื่อภัยร้ายมาถึงหน้าบ้าน พวกเขาก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้และยืนหยัดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ตัวละครหลักทั้ง 5 คนล้วนแล้วแต่เป็นอดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษในสังกัดของกองทัพ เรียกได้ว่าเคยผ่านสมรภูมิแห่งความเป็นความตายมาก่อน ก่อนที่จะออกมาใช้ชีวิตธรรมดาอย่างสงบในชุมชนเล็ก ๆ นอกเมือง แต่งงานสร้างครอบครัว ประกอบอาชีพสุจริตแบบชาวบ้านทั่วไป แต่หลังจากที่มีการลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองนี้ อันตรายก็เริ่มคืบคลานเข้ามา มีเหตุระเบิดติด ๆ กันในเมืองนี้ และพรากชีวิตผู้คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปหลายราย เหตุการณ์มันยิ่งเลวร้ายและเจ็บปวดมากขึ้น เมื่อเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเป็นคนใกล้ตัวของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องรวมทีมกันเพื่อปกป้องบ้านและเพื่อนบ้านที่พวกเขารัก ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ครอบครัวแต่ก็เหมือนครอบครัว

การกลับมารวมตัวกันครั้งนี้ไม่ใช่คำสั่งจากรัฐบาล ไม่มีเครื่องแบบให้สวมใส่ ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทันสมัยใด ๆ พวกเขารวมตัวกันด้วยใจ ใช้ทักษะเฉพาะตัวของตัวเอง และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เท่าที่จะหาได้ในการต่อกรกับเงามืดที่มองไม่เห็น มันคือเรื่องราวคนที่แม้จะดูธรรมดา แต่เปี่ยมไปด้วยหัวใจของฮีโร่ที่พร้อมจะลุกขึ้นมายืนหยัดเพื่อกันและกันแบบไม่กลัวตาย เพราะพวกเขามีสิ่งที่ต้องพยายามปกป้องอย่างสุดชีวิต
ว่าแต่แถวนั้นมันเป็นอะไร ติด ๆ กันเลย ทั้งรถยนต์ระเบิดเอย ทั้งแก๊สบิวเทนระเบิดเอย

ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเมืองเล็ก ๆ จะเกิดภัยก่อการร้าย ยิ่งบอกว่าเป็นการก่อการร้ายข้ามชาตินะยิ่งฟังดูตลกเข้าไปใหญ่เลย ถ้าเป็นเมืองหลวงอย่างโซลโดนโจมตีก็ว่าไปอย่าง มันยังฟังขึ้นซะกว่า นั่นทำให้ทั้งเหตุการณ์รถยนต์ระเบิด และเหตุการณ์แก๊สบิวเทนระเบิดที่ตู้เอทีเอ็ม กลายเป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้น่าเอะใจอะไรสำหรับคนทั่วไป เพราะมันก็ดูเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่แท้ที่จริงแล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ เริ่มเป็นกังวลแล้วว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นถี่เกินไป ที่สำคัญคือมันดูไม่ใช่เหตุการณ์ปกติด้วย ทว่าพวกเขาซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากระวังตัวและติดตามข่าวสารอย่างเงียบ ๆ แค่นั้น

แต่ถ้าเราลองพิจารณาพื้นที่ที่เกิดเหตุดี ๆ เราจะพอมองเห็นภาพที่แคบลงมา ว่าเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองกียุนนี้มันมีจุดที่น่าสงสัย อ้างอิงตามที่ตัวละครพูดคุยกันในอีพีแรก จะเห็นว่าเมืองกียุนเป็นเมืองที่นักธุรกิจต่างชาติเชื้อสายเกาหลีรายหนึ่งเข้ามาซื้อพื้นที่ทำธุรกิจด้านไอที ซึ่งชื่อของเขานั้นอยู่ในลิสต์ของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และจากนั้นรัฐบาลก็ประกาศให้พื้นที่บริเวณนี้เป็น “เขตพิเศษการท่องเที่ยวด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” สิ่งที่ตามมาก็คือราคาที่ดินในเมืองนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองท่า กลายเป็นเมืองที่มีแนวโน้มว่าจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและบริษัทลงทุนเอกชนมากมายต่างขยับตัว ดูเป็นเมืองที่มีอนาคตสดใสไม่น้อย

เริ่มเห็นสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองกียุน บริษัทไอที และรัฐบาลหรือยัง ถ้าให้เดานะ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ “ผลประโยชน์ตอบแทน” ที่อาจจะเจรจาแล้วไม่ลงตัว หรือไม่ก็ “ความแค้น” บางอย่างที่นักธุรกิจต่างชาติเชื้อสายเกาหลีคนนั้นมีต่อบางคนในบ้านเกิดของตัวเอง ก็เลยก่อเรื่องขึ้นมาเพื่อสร้างความกลัว และเพื่อเปิดโปงความเลวของคนบางคนในรัฐบาลก็เป็นได้ เพราะท้ายอีพีที่ 4 เราจะเริ่มเห็นบุคคลผู้นี้เคลื่อนไหวแล้ว โดยเป้าหมายของเขาอาจเป็น “ชเวคัง” ชายหนุ่มที่ปัจจุบันทำงานเป็นสายสืบบริษัทประกันภัย แต่อดีตเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ JDD ในกองทัพ ไม่ก็ “รัฐมนตรีคิมซองจุน” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

ซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจตรงที่ตัวละครหลักทั้ง 5 คนเคยเป็นสมาชิกหน่วยปฏิบัติการพิเศษกันทุกคน “ชเวคัง” อดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ JDD ปัจจุบันเป็นนักสืบในบริษัทประกัน ตามสืบคนที่โกหกเพื่อเอาประกัน “ควักบยองนัม” อดีตสมาชิกหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย HID ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านเครื่องเขียนและอุปกรณ์การช่าง และประธานสมาคมเยาวชนในชุมชน มีหน้าที่เดินตรวจตราความเรียบร้อย โดยเฉพาะการแยกขยะ “จองนัมยอน” อดีตครูฝึกทหารที่มีอายุน้อยที่สุด ปัจจุบันเป็นเจ้าของมาร์ทและคุณแม่ลูกหนึ่ง “อียงฮี” อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารในกองทัพ เก่งด้านไอที ปัจจุบันเป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะการต่อสู้พิเศษ และ “พัคจองฮวาน” เขาเพิ่งปลดประจำการจากการรับราชการทหาร เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน และเก่งเรื่องการใช้เงินแบบไม่ต้องคิด จากการรูด black card ของแม่

เมื่อเมืองที่พวกเขาเรียกว่า “บ้าน” ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยอีกแล้ว แถมยังไม่รู้ด้วยว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใครที่อยู่รอบตัวพวกเขาหรือเปล่า มันก็เลยมีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่พวกเเขาต้องทำ ก็คือเลิกซ่อนตัวจากอดีตแล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ในแบบที่พวกเขาทำได้ ก็ต้องไม่ลืมแหละว่าเวลานี้พวกเขาก็ใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา ๆ มีครอบครัว มีอาชีพสุจริตแบบชาวบ้านทั่วไป มันไม่เอื้อให้พวกเขาต่อสู้อย่างโลดโผนได้เท่าไรนัก ที่สำคัญ ศัตรูของพวกเขาก็ยังอยู่ในเงามืด ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่เลือกเมืองของพวกเขาเป็นเป้าหมายในการโจมตี
สองเหตุการณ์ มีทหารเคลื่อนไหวทั้งนั้น

อ่า! เริ่มได้กลิ่นตุ ๆ แล้วว่าไหม 555 ถ้าเป็นคอซีรีส์เกาหลีตัวจริง ส่วนใหญ่แล้วเขารู้กันดีว่าถ้ามีหน่วยงานนี้เข้าไปเกี่ยวข้องเมื่อไร ไม่เคยจะเป็นเรื่องดีหรอก แล้วสำหรับซีรีส์เรื่องนี้เนี่ยน่าจะไม่จบแค่ว่าเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเมืองนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกองทัพ แต่มันอาจจะโยงใยไปถึงหน่วยงานที่อยู่เหนือกองทัพอีกที ซึ่งก็คือ “กระทรวงกลาโหม” และนั่นอาจหมายความว่า “รัฐบาล” มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายในเมืองกียุนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (ย้ำอีกทีนะพวกว่าที่เรากำลังคุยกันอยู่เป็นเรื่องราวในซีรีส์เกาหลี ไม่เกี่ยวอะไรกับประเทศแถว ๆ นี้ เฮ้อ! ใจคอไม่ดีเลยเนี่ย เพราะถ้าเข้าใจผิดขึ้นมามันจะยุ่ง 555)

เอาล่ะ เราลองมาไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุระเบิดในซีรีส์กันสักหน่อย เหตุการณ์ระเบิดครั้งแรก คือรถชนกันที่สี่แยก เกิดขึ้นในเวลา 00.30 น. มีเจ้าของร้านอาหารริมทางแถวนั้นเห็นว่ามีทหารเข้ามาเก็บกวาดพื้นที่และจัดการทุกอย่างอย่างสะอาดหมดจดเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นเลยภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง เหตุการณ์ระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นที่ตู้เอทีเอ็ม ในเวลา 00.30 น. เช่นกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สส. ในพื้นที่ออกมาแถลงข่าวและพยายามโบ้ยว่าเป็นเหตุแก๊สบิวเทนระเบิด แต่ก็มีคนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้ามาเคลียร์สถานที่ใส่รองเท้าทหาร และทุกอย่างก็ถูกเก็บกวาดจนกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในเช้าวันรุ่งขึ้นเหมือนกัน แค่สองเหตุการณ์ ก็เริ่มมีคนสังเกตแล้วว่ามันไม่ปกติ

ทว่าเรื่องราวมันไม่ได้จบแค่เหตุการณ์ระเบิดครั้งที่สอง เพราะในที่สุดมันก็เกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งที่สามขึ้นจนได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ท่ารถโดยสารของเมือง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติว่ามีทหารเข้ามาจัดการพื้นที่ เธอตั้งข้อสังเกตว่าทหารจะเข้ามายุ่งวุ่นวายทำไม ทั้งที่เหตุอุบัติเหตุใหญ่มันควรจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ รถฉุกเฉิน ดับเพลิงและก็ตัวแทนบริษัทประกันมากกว่า โดยเหตุการณ์ระเบิดทั้งสามครั้งมีผู้เสียชีวิตทั้งสามครั้ง รวมมีคนตายไปแล้ว 4 ราย นี่จึงไม่ใช่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญอีกต่อไป แถมมันยังน่าสงสัยมาก ๆ ที่มีทหารอยู่ในที่เกิดเหตุทั้งสามครั้ง และรัฐบาลยังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในการรีบปิดคดี

อย่างไรก็ตาม ในท้ายอีพีที่ 3 และต้นอีพีที่ 4 ดูเหมือนว่าคนดูอย่างเราจะได้ข้อมูลใหม่แล้วว่ารัฐบาลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นติด ๆ กันในเมืองกียุนมันคืออะไร พวกเขาเพียงแต่รีบเคลียร์พื้นที่และปิดข่าวต่างหาก ถึงอย่างนั้น มันก็มีหางโผล่ออกมาเหมือนกันว่ารัฐบาลก็ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง สิ่งที่รัฐบาลทำคือการหมกเม็ดอะไรบางอย่างด้วยความที่กลัวว่าพอน้ำลดตอจะผุด เรื่องไม่ดีที่เคยทำไว้จะถูกขุดคุ้ย ถึงได้รีบปิดคดีทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้มีการสืบสวน แถลงข่าวแบบมึน ๆ ทั้งที่โป๊ะแตกชนิดว่าหลอกเด็กอนุบาลยังไม่ได้ ดูเหมือนว่าถ้าเรื่องนี้มันแดงขึ้นมาคนในรัฐบาลก็ไม่รอด จะถูกสืบสาวไปถึงเรื่องอุบาทว์ที่รัฐบาลซุกไว้ใต้พรมนั่นเอง

เนี่ย! เห็นไหม เกือบพลาดซีรีส์สนุก ๆ ซะแล้ว ใครจะไปคิดล่ะคิดซีรีส์ที่ตอนแรกไม่คิดจะเปิดดูเลย แถมไม่ได้แมสในบ้านเราด้วยมันจะสนุกกว่าที่คิดไว้ มันให้ฟีลแบบซีรีส์สายลับเกาหลีที่ปลอมตัวเข้ามาแฝงตัวอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ในชนบท แต่จริง ๆ แล้วเปล่าเลย พวกเขาแค่เคยทำงานอยู่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แต่ออกมาใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา มีครอบครัว มีชีวิตที่ปกติสุขแบบคนทั่วไปต่างหาก แต่ในเมื่อภัยร้ายมันกำลังคืบคลานเข้ามาหาพวกเขาถึงหน้าบ้าน จะให้พวกเขาอยู่เฉย ๆ มันก็คงไม่ใช่ ที่สำคัญคือมีคนใกล้ตัวในชุมชนตายไปหลายคนแล้ว ไม่มีอะไรมาการันตีว่าคนในครอบครัวของพวกเขาจะปลอดภัย พวกเขาจึงต้องลุกมาปกปองตัวเองและละแวกบ้านของพวกเขาด้วยตัวเอง 🕶





























