Taxi Driver 3 แท็กซี่สายรุ้งการละคร และการเปิดมิเตอร์ครั้งที่ 3

ภาพจาก SBS

แม้ว่าในปีนี้ดิฉันจะทำตัวเป็นมนุษย์ป้าที่บ่นว่าซีรีส์เกาหลีหลายเรื่องไม่ค่อยสนุกมาเกือบทั้งปี แต่ในความเป็นจริงก็คือดิฉันก็มีซีรีส์เรื่องโปรดที่ตั้งตารอคอยอยู่เหมือนกัน เป็นเรื่องที่รอมากที่สุดในปีนี้เลยด้วย และค่อนข้างเชื่อว่าหลายคนก็รอเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์ภาคต่อที่ภาคที่แล้วจบแบบปลายเปิดชนิดที่ไม่รู้จะเอาไปคิดต่อยังไง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจบแบบอิหยังวะ และมองจากวงแหวนดาวเสาร์ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องมีภาคต่อล้านเปอร์เซ็นต์ มันเลยเป็นซีรีส์ที่คนเรียกร้องให้มีภาค 3 ด่วน ๆ จะรอดู ใช่! ฟังไม่ผิด คนเรียกร้องขอภาค 3 นั่นหมายความว่าภาค 2 ที่จบไปก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม! นี่จึงเป็นซีรีส์ไม่กี่เรื่องลบล้างอาถรรพ์ภาค 2 ไม่ปังเท่าภาคแรกได้สำเร็จ

ภาพจาก FB: SBS DRAMAx

ในที่สุดมันก็มีภาค 3 จริง ๆ และเพิ่งออนแอร์อีพีแรกไปเมื่อคืนนี้เอง ด้วยความที่รอดูซีรีส์เรื่องนี้จนเนื้อเต้น ก็เลยรีบเอามาเขียนถึงแบบไม่ต้องรอตอนสองตอนสามเลย โดยซีรีส์เรื่องนี้กลับมาพร้อมกับพล็อตหลักพล็อตเดิมและทีมนักแสดงหลักชุดเดิมยกทีม ใช้ชื่อเรื่องชื่อเดิมแค่ใส่เลข 3 เพิ่งลงไป ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ Taxi Driver 3 นั่นเอง

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

Taxi Driver 3 หรือชื่อภาษาไทย แท็กซี่จ้างแค้น 3 เป็นซีรีส์ viu original (ซับไทยถูกลิขสิทธิ์ดูได้ที่ viu ที่เดียวนะจ๊ะ) เล่าเรื่องราวภาคต่อหลังจากจบภาคที่ 2 ไป 2 ปีเต็ม เมื่อบรรดาสมาชิกของบริษัท Rainbow Taxi หรือแท็กซี่สายรุ้ง กลับมารวมตัวกันอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ในเมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาถึงภาคที่ 3 แล้ว หลายคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าแท็กซี่คันนี้ไม่ได้ให้บริการส่งลูกค้าให้ถึงที่หมายแบบทั่ว ๆ ไป แต่เป็นแท็กซี่ที่รับจ้างสะสาง “ความแค้น” ให้กับเหล่าผู้โดยสารที่มาใช้บริการแท็กซี่วีไอพีคันสีดำ หมายเลขทะเบียน 5283 ลูกค้าหลักที่จะได้นั่งแท็กซี่วีไอพีคันนี้ คือกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาชญากรรมที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากกฎหมาย

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

เรื่องราวคร่าว ๆ ใน Taxi Driver 2 คือการกลับมารวมตัวกันใหม่หลังจากที่ขบวนการแท็กซี่ขาโหดถูกเปิดโปงเมื่อปลายภาคแรก แต่ในที่สุด CEO ก็เอาตัวรอดมาได้ พ้นจากความผิดทั้งหมดจนกลับมาทำอู่แท็กซี่เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือเหยื่อที่ต้องการความยุติธรรม นามบัตรของแท็กซี่สายรุ้งยังถูกนำไปติดในทุกที่ที่คาดว่าจะมีคนไปฆ่าตัวตาย เพื่อยื้อชีวิตของพวกเขาว่าอย่าเพิ่งเลือกความตาย เลือกแก้แค้นดีกว่า แล้วเราจะจัดให้คุณเอง ซึ่งการกลับมาในภาคนี้ ทุกคนยังคงเก่งการละครกันเหมือนเดิม ตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะฮาไม่ไหวเหมือนเดิม คุณโชเฟอร์ “คิมโดกี” ก็ยังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยร้อยอาชีพเหมือนเดิม 555 อีพีแรกอีพีเดียว พี่แกก็แปลงโฉมไปแล้ว 3 บทบาท!

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ การเพิ่มดีกรีความเลวระยำของเหล่าวายร้ายในแต่ละเคส และความเดือดในปฏิบัติการเอาคืน ที่ทีมแท็กซี่สายรุ้งคงไม่ได้รับมือได้ง่าย ๆ แน่นอน อ้อ! อีกอย่างที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ รถแท็กซี่วีไอพีและรถผู้ช่วยของแท็กซี่วีไอพีที่อัปเกรดเป็นรถคันใหม่ไฉไลกว่าเดิม ดีไซน์หรูหราหมาเห่าติดแกลมเวอร์ ข้างในก็เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทคไว้ล่าคนร้าย แค่เห็นก็เหนื่อยแทนพวกเหล่าตัวร้ายแล้ว แต่เหนืออื่นใดการที่เปิดเรื่องมาด้วยซาวนด์ดนตรีที่คุ้นหูก็ทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะ ทำให้รู้สึกถึงความหวังและความยุติธรรมอยู่บ้างถึงมันจะอยู่แค่ในซีรีส์ก็เถอะ ในเมื่อกฎหมายมันไกลเกินเอื้อม พวกเขาก็พร้อมที่จะใช้กำปั้นของกฎกูทวงคืนความยุติธรรมให้เอง

อย่าตาย แก้แค้นสิ เราจัดการให้เอง

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วนะที่เราได้เห็นสโลแกนที่จริงใจของแท็กซี่สายรุ้ง อยากบอกว่าดีใจมากที่ได้เห็นแท็กซี่วีไอพีทะเบียน 5283 กลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง พูดก็พูดเถอะว่าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมาไกลได้ถึงซีซัน 3 แถมยังเป็นการกลับมาแบบที่คนดูตั้งตารอคอยแบบกาปฏิทินรออะ (ฉันเอง) เพราะมันไม่ง่ายนะที่ซีรีส์ภาคต่อจะยิ่งสร้างยิ่งปัง ส่วนใหญ่มักเจอแต่ยิ่งสร้างยิ่งพัง แบบว่าพอภาค 2 ออนแอร์ได้สัก 4-5 ตอน คนก็จะเริ่มบ่นแล้วว่ามันไม่สนุก ไม่อยากไปต่อ แล้วก็ไม่ควรจะทำต่อด้วย กระแสจากความคาดหวังของคนดูจะเริ่มแผ่วลง แต่กระแสด่าจะแรงขึ้น 555 ทว่าซีรีส์เรื่องนี้นี่ตรงกันข้าม จบภาค 2 ปุ๊บคนดูถามหาภาค 3 ทันที จนต้องสร้างออกมา

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

เมื่อเราได้เห็นสโลแกนของแท็กซี่สายรุ้งอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าความหวังของคนที่เคยสูญสิ้นศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเช่นเดียวกัน ไม่รู้สิ ถึงมันจะเป็นแค่ซีรีส์ เป็นแค่เรื่องแต่ง แถมยังเป็นซีรีส์ที่หมิ่นเหมต่อศีลธรรมในใจคนซะด้วย เพราะเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ เราแอบสะใจเมื่อเหล่าอาชญากรในซีรีส์ถูกจัดการอย่างสาสม คนพวกนั้นสมควรโดนแบบนี้แหละตามท้องเรื่อง ถึงขั้นเชียร์การใช้ความรุนแรงเลยด้วยซ้ำ แต่คำถามก็คือ สิ่งที่เหล่าตัวละครหลักทั้ง 5 คนกำลังทำอยู่ จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องหรือเปล่าในเมื่อบ้านเมืองมีขื่อมีแป แล้วการตามแก้แค้นของพวกเขานั้นมันเป็นการทวงคืนความยุติธรรม หรือมันเป็นการสร้างอาชญากรเพิ่มกันแน่

ภาพจาก FB: SBS DRAMAx

ก็นะ! มันมีเส้นกั้นบาง ๆ แหละว่าจะเรียกพวกเขาว่าเป็นอาชญากรหรือดาร์กฮีโร่ ว่ากันตามตรงสิ่งที่พวกเขาทำมันก็ “ไม่ถูกต้อง” หรอก เพราะพวกเขาก็ทำตัวเหนือกฎหมาย และใช้กำปั้นจาก “กฎกู” ในการจัดการพวกเหล่าวายร้าย แต่มัน “ถูกใจ” นี่สิ ในเมื่อพวกคนร้ายที่พวกเขาจัดการล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่กฎหมายจัดการไม่ได้หรือเอื้อมไม่ถึงทั้งนั้นเลย แล้วคิดดูว่าในมุมของเหยื่อที่ต้องตกนรกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฝ้ารอดูกระบวนการยุติธรรมที่จะยุติธรรมกี่โมงอย่างขมขื่น มันเจ็บปวดมากจริง ๆ นะ ยิ่งในภาคแรกที่ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวความเจ็บปวดของคน 5 คนที่ต่างสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปอย่างไม่มีวันกลับ แถมกฎหมายก็ไม่สามารถคืนความยุติธรรมให้ได้เลย มันก็ยิ่งชัดเจนในเจตนารมณ์ของพวกเขา

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

พวกเขามองว่าความเจ็บแค้นส่วนตัวที่พวกเขาเจอมันไม่ช่วยให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้ ที่สำคัญ พวกเขายังต้องเฝ้ามองผู้คนอีกมากมายที่เจอชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาเลยแปรเปลี่ยนความเจ็บแค้นส่วนตัวให้กลายเป็นพลังมืดที่มองไม่เห็น ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อบรรดาเหยื่อในแบบที่กฎหมายทำไม่ได้และไม่อนุญาตให้พวกเขาทำ ซึ่งประเด็นนี้ก็ได้กลายเป็นปมขัดแย้งหลัก ๆ ของตัวละครทีมแท็กซี่สายรุ้งกับอัยการในภาคแรกนั่นแหละ อัยการสาวผู้ยึดมั่นในตัวบทกฎหมายและจ้องจับผิดทีมแท็กซี่สายรุ้งทุกฝีก้าว แต่ในที่สุดเธอก็ยอมรามือ เพราะเข้าใจหัวอกของคนที่ตกเป็นเหยื่อแล้วต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจได้ความยุติธรรมใด ๆ จากกฎหมาย เมื่อเธอสูญเสียเพื่อนร่วมงานไป

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ดังนั้น “อย่าตาย แก้แค้นสิ เราจัดการให้เอง” มันจึงไม่ใช่แค่คำโฆษณาในนามบัตรสำหรับติดต่อรับบริการจากแท็กซี่สายรุ้ง แต่มันเป็นเหมือนแสงสว่างสุดท้ายที่คนกลุ่มหนึ่งหยิบยื่นให้ใครบางคนที่กำลังสิ้นหวังในชีวิตถึงขั้นที่คิดอยากจะจบชีวิตตัวเองให้มันจบ ๆ ไปต่างหาก เพราะจริง ๆ แล้วคนพวกนั้นก็ไม่ได้อยากตายกันหรอก สัญชาตญาณของมนุษย์รักตัวกลัวตายจะตายไป ทว่าให้อยู่ต่อแบบที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นมันก็คงไม่ไหว และบางคนก็ไม่ได้อยากตาย ไม่ได้อยากที่จะมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เขาต้องการความช่วยเหลือเพื่อที่จะมีชีวิตต่อ สิ่งที่ทีมแท็กซี่สายรุ้งทำจึงเป็นการต่อลมหายใจของพวกเขา ให้ยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่เจ็บปวดมากนัก

เด็กสมัยนี้เอาแต่จ้องมือถือกัน พวกเขาเป็นเป้าหมายที่ง่ายมาก

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่รักซีรีส์เรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่เคยลืมกลุ่มเปราะบางอย่าง “เด็กและเยาวชน” มันเป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าหดหู่จริง ๆ นะ คดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนี้เนี่ย ในภาคแรก มีเรื่องราวของเด็กด้อยโอกาสคนหนึ่งที่โดนเพื่อนเด็กเปรตในชั้นเรียนรุมบูลลี่จนบาดเจ็บสาหัส ในภาคสอง เหยื่อรายนี้อาจไม่ใช่ผู้เยาว์ แต่เขาก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เขาโดนหลอกให้ไปทำงานเขียนโปรแกรมเกมการพนันออนไลน์ที่เวียดนาม และในภาคล่าสุด มีสายตรงจากญี่ปุ่นโทรมาหาบริษัทแท็กซี่สายรุ้ง ต้นทางเป็นนักเรียนหญิงชั้นม.ปลาย ที่ถูกหลอกไปทำงานใช้หนี้ เธอตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้ เพียงเพราะเธอเล่นเกมในมือถือ! (คงพอเดาออกใช่ไหมว่าเด็กสาวคนนี้จะต้องทำงานอะไร)

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

งงใช่ไหมล่ะ! แค่เล่นเกมออนไลน์ในมือถือที่เพื่อนชวนเล่น ดันตกเป็นเหยื่อแก๊งเงินกู้เฉยเลย จากตรงนี้ขอไม่สปอยล์รายละเอียดอะไรมากแล้วกันเพราะอยากให้ไปดูเอง แต่ที่อยากจะบอกก็คือ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ นะ มันอาจเกิดขึ้นกับลูกหลานของเราก็ได้ หรือแม้แต่กับตัวเราเอง ใครจะไปคิดว่าเกมในมือถือที่เล่นเพื่อความสนุก เล่นเพื่อฆ่าเวลา มันจะพาชีวิตของคนคนหนึ่งถลำลึกลงไปได้ขนาดนั้น เด็กสาวที่เป็นเจ้าของเคสแรกในอีพีเปิดของ Taxi Driver 3 ก็เหมือนกัน เธอไม่รู้หรอกว่าเกมมือถือที่เพื่อนชวนเล่นและได้เงินจริงในวันนั้น จะพาเธอมาไกลถึงญี่ปุ่น และเธอกำลังจะตกเป็นเหยื่อแก๊งค้าผู้หญิงด้วย

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

สิ่งที่ซีรีส์นำเสนอได้ดีก็คือ ประเด็นที่เด็กสมัยนี้เติบโตมากับโทรศัพท์มือถือ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของพวกคนเลวที่วางกับดักไว้บนโลกออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย โดยที่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็ก ๆ ทำอะไรบ้างในหน้าจอสี่เหลี่ยมนั่น จริง ๆ มันมีหลายปัญหามากเลยนะที่เคยเป็นข่าวในบ้านเรามาแล้ว ไม่ว่าจะถูกหลอกให้เสียทรัพย์โดยแก๊งสแกมเมอร์ ถูกดึงเข้าไปอยู่ในกลุ่มลับแปลก ๆ ที่ชักชวนให้ทำร้ายร่างกายตัวเองแล้วเอาแผลไปอวดกัน (ข่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง) ตกเป็นเหยื่อเกมการพนันออนไลน์ ถูกหลอกเรื่องทางเพศ ฯลฯ มันมีหลายประเด็นมากที่เด็กและเยาวชนสามารถตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

กลับมาที่เรื่องราวในซีรีส์ เด็กสาวทั้งสองอ่อนต่อโลกมากเกินกว่าที่รู้ว่าสัญญาเงินกู้นอกระบบที่ทำกับบริษัทเงินกู้นั้นมันผิดกฎหมายและมันจะต้องเป็นโมฆะ เนื่องจากพวกเธอเป็นผู้เยาว์ พวกเธอกลัวเกินกว่าที่จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจ เพราะสิ่งที่พวกเธอเผลอทำโดยไม่รู้ตัวก็คือ “การเล่นการพนัน” ด้วยพวกเธอคิดว่ามันเป็นแค่เกมออนไลน์ธรรมดา ๆ ที่ได้เงินจริงเท่านั้น และพวกเธอก็ใสซื่อเกินกว่าจะเข้าใจได้ในทันที ว่างานที่เธอต้องไปทำที่ญี่ปุ่นเพื่อใช้หนี้เงินกู้ก้อนโตนั้นมันคืองานอะไร ทีนี้เห็นหรือยังว่ามันน่าหดหู่แค่ไหน เวลาที่คนกลุ่มนี้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ไม่เคยละเลยเรื่องของคนกลุ่มนี้เลยว่าควรต้องตีแผ่ให้โลกรู้ เพื่อสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้น

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

แม้ว่าตอนนี้จะเพิ่งเปิดเรื่องมาแค่อีพีเดียว แต่กลิ่นอายความเป็น Taxi Driver ที่คุ้นเคย ทำให้ Taxi Driver 3 กลายเป็นซีรีส์ภาคต่อที่ทำให้คนดูต่อติดได้ไม่ยาก แทบไม่ต้องอุ่นเครื่องเลยด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ดูซีรีส์เรื่องนี้จนจบทั้ง 2 ภาค เรารู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าหลังจากรับเคสว่าจ้างแก้แค้นมา พวกเขาทั้ง 5 คนจะทำอะไรต่อ มันมีรูปแบบเฉพาะของมันอยู่ แต่สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ก็คือเคสใหม่ที่จะนำมาตีแผ่ในภาคนี้ ว่าคนเขียนบทจะหยิบยกประเด็นใดในสังคมขึ้นมาเล่น ซึ่งที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาสังคมที่เรากำลังเผชิญอยู่ นั่นทำให้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ซีรีส์ Taxi Driver ก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ทำอีกกี่ภาคก็น่าดูเพราะปัญหาสังคมมันมีอยู่ตลอดแหละ ว่ากันตามตรงนะ อีก 10 ปีมาเปิดดูก็ยังคงสดใหม่ ทันเหตุการณ์ และยิ่งดูยิ่งอินเหมือนเดิม 🚕