หนึ่งสัปดาห์ กับ Nissan Kicks

แม้ปัจจุบันตลาดรถ EV ในบ้านเราจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเกินกว่า 500 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการต่อสู้กันเองของค่ายรถจากจีนมากกว่า ขณะที่ค่ายรถเจ้าใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่น ก็ยังเดินหน้าทำตลาดรถยนต์ขุมพลังไฮบริดกันอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่า เครื่องยนต์ ก็ยังมีบทบาทสำคัญกับตลาดรถยนต์ต่อไป

ที่เกริ่นมาแบบนี้ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสได้นำรถ Nissan Kicks e-POWER มาขับทดสอบเป็นเวลาราว 1 สัปดาห์ หลังจากที่เมื่อ 3 ปีก่อน นิสสันเปิดตัว Kicks e-POWER ออกมาเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความสับสนและเถียงกันไม่จบว่า Kicks เป็นรถไฟฟ้า หรือ เป็นรถไฮบริด กันแน่

ในช่วงที่ Kicks เปิดตัวออกมาใหม่ ๆ ในบ้านเรา ผมเองเคยเขียนในคอลัมน์นี้ว่า นี่คือรถที่เหมาะสมที่สุดที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน จากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ (EV) ซึ่งมาถึงวันนี้ หลังจากได้มีโอกาสได้ทดสอบขับรถ EV มากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ผมก็ยังคงความคิดเดิมครับ

นิสสัน Kicks ที่ผมนำมาทดลองขับแบบใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอยู่ 1 สัปดาห์ เป็นรุ่นท็อป AUTECH ที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 980,000 บาท เป็นรถขับเคลื่อนไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ที่มีเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ติดมาด้วย เพื่อทำหน้าที่ปั่นไฟ ฉะนั้นระบบการขับขี่ทุกอย่างก็คือรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟนั่นเอง

มาถึงตรงนี้จะมีคำถามทันทีว่า อ้าว! ขับรถไฟฟ้า แล้วยังต้องมาเติมน้ำมันอีก มันจะประหยัดเหรอ ตอบแบบตรง ๆ เลยคือ จะให้ Kicks ประหยัดค่าใช้จ่ายเท่ากับการใช้รถ EV คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ แต่สิ่งที่ได้คือ ฟิลลิ่งในการขับแบบรถไฟฟ้า ความกระชับกระเฉงในการใช้อัตราเร่งที่ไม่ต้องรอรอบเครื่อง โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟ

ผมเคยบอกไปแล้วครับว่า หากคุณใช้รถไฟฟ้าแล้วมีโฮมชาร์จที่บ้าน และใช้งานโดยที่รู้ระยะทางคร่าว ๆ ในแต่ละวัน คุณจัดไปได้เลยครับ ทั้งประหยัด ทั้งสะดวก แต่หากชีวิตที่ต้องขับออกนอกเส้นทาง เดินทางต่างจังหวัด หรืออยู่คอนโด ที่ไม่สามารถมีโฮมชาร์จของตัวเองได้ บอกเลยว่าคุณจะเจอปัญหาแน่นอน

ฉะนั้น ผมถึงบอกว่า Kicks คือจุดลงตัวในยุคเปลี่ยนผ่านแบบนี้ จากที่ได้ทดลองขับรอบนี้ รู้สึกได้เลยว่าเวลาเรากดคันเร่ง อัตราเร่งมาเต็ม แต่จะไม่กระชากจนหลังติดเบาะเหมือนกับรถ EV บางรุ่น ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่ามันนุ่มนวลดี หรือหากจะเพิ่มความจัดจ้าน ปรับไปที่โหมดสปอร์ต จังหวะกดคันเร่งก็ยังนุ่มนวลอยู่ดีครับ

โดยการทำงานของ e-POWER หากขับขี่แบบปกติจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่เครื่องยนต์ปั่นไฟเอามาเก็บไว้ แต่หากต้องการกำลังในทันที อาทิ จังหวะคิกดาวน์ เครื่องยนต์ก็จะปั่นไฟเข้าสู่มอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงได้เลย หรือหากจะขับโหมดไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ปิดการทำงานของเครื่องยนต์เลยก็ได้ แต่ก็จะได้ระยะทาง 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น

ฉะนั้น หากจะถามถึงความประหยัด ที่ผมบอกได้คือ คุณจะเสียค่าน้ำมันใกล้เคียงกับการใช้งานรถระดับอีโคคาร์ แต่สมรรถนะเป็นรถไฟฟ้า แต่ก็เป็นธรรมชาติเหมือนกันในรถทุกประเภทครับ จะเปลืองมาก เปลืองน้อย ก็อยู่ที่พฤติกรรมการขับ หรือ “เท้าขวา” ของเราว่าใช้คันเร่งแบบไหนมากกว่าครับ

สุดท้ายหากถามว่าในยุค EV ขึ้นหม้อ Kicks ยังน่าใช้ไหม ขอตอบว่าอย่าเอา Kicks ไปเทียบกับ EV ครับ แต่ควรเทียบกับรถไฮบริดป้ายแดงในเซ็กเมนต์เดียวกัน ซึ่งบอกได้ว่า Kicks สู้ได้ไม่เป็นรองเลยครับ