การปั้นนักเตะดาวรุ่งจากชุดเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร ถือเป็นความฝันของบรรดาผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีก เพราะนอกจากจะทำให้พวกเขาประหยัดสะตุ้งสตางค์เอาไว้เสริมทัพในตำแหน่งอื่นแล้ว ยังสามารถลดเรื่องเพดานเงินเดือน แถมยังรักษาสมดุลเรื่องของโควตาโฮมโกรนในทีมอีกด้วย
ที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องง่ายในโลกฟุตบอล ซึ่งโหยหาความสำเร็จอย่างรวดเร็วเยี่ยงทุกวันนี้ มันไม่มีเวลาให้เหล่ากุนซือมีโอกาสบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์อะไรกันให้มากนักหรอก แถมด้วยมาตรฐานผู้เล่นในทีมใหญ่ ๆ ที่มีแต่บรรดาซูเปอร์สตาร์ที่สโมสรจำเป็นต้องขนซื้อมาเพื่อนำมาให้ได้ซึ่งความสำเร็จ แล้วผู้เล่นหนุ่ม ๆ จะไขว่คว้าความสำเร็จมาได้อย่างไร
ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ก็เช่นเดียวกันครับ เอาแค่ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดาวรุ่งรายแล้วรายเล่าที่กุนซือจากเมืองเบียร์ปั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายต้องขายทิ้งไปให้กับทีมอื่น ยกตัวอย่างก็มากมายเช่น ไรอัน บริวสเตอร์, โดมินิค โซลังกี้, แฮร์รี่ วิลสัน ฯลฯ
จะมีก็เพียง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สุดยอดแบ็กขวาคนเดียวที่แหวกทะลุขวากหนามอุปสรรคขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้อย่างต่อเนื่องทะนงองอาจ
“แฟนหงส์” เฝ้ารอหน่อเนื้อเชื้อพันธุ์จากอะคาเดมี่ของพวกเขาที่จะเดินตามรอย เทรนต์ ขึ้นมา จนในที่สุดฤดูกาลนี้ ถือเป็นปีที่ทีมมีเพชรเม็ดงามได้รับการเจียระไนจนเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัด แบบพร้อม ๆ กันหลายรายอย่างไม่น่าเชื่อครับ
คนแรก เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์วัย 23 ปี ผู้โชว์ฟอร์มมหากาฬสุด ๆ จากอดีตที่เคยเล่นหน้าซ้ายในทีมเยาวชน แต่ถูกถอยลงมาเล่นมิดฟิลด์ได้อย่างครบเครื่องทั้งเกมรับและรุก
คล็อปป์ เคยบ่นว่าเขาดูเหมือนผู้เล่นที่คิดช้า และทำอะไรช้าไปหนึ่งสเต็ปเสมอในทีมชุดใหญ่ จนในที่สุดซีซันนี้ โจนส์ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จแชมป์โลกกับทีมชาติอังกฤษชุดยู 21 นั้น ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ด้วยลีลาการอ่านเกม ขึ้นไปช่วยกองหน้า ช่วยไล่ในเกมรับ ทุกอย่างครบเครื่อง จนทำให้บิ๊กบอส คงต้องคิดหนักแน่ ๆ หากจะตัดเขาออกจาก 11 ตัวจริง
คนที่สอง ยาเรลล์ ควานซาร์ เซ็นเตอร์หนุ่มวัย 20 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับที่สามตรงหัวใจในแดนหลังของ “หงส์แดง” อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเจ้านายให้โอกาสแล้ว เล่นได้นิ่งดีเหลือเกิน ไม่มีอาการตื่นกลัวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เขาคือทายาทของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อย่างแน่นอนในอนาคต บอกได้เลยว่าถ้าสโมสรจะไม่ต่อสัญญากับ โฌแอล มาติป ออกไป ก็คงไม่มีอะไรให้แปลกใจ
คนที่สาม คลีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารไอริช วัย 25 ปี ซึ่งฤดูกาลนี้ก้าวขึ้นมาเป็นมือสองเต็มตัว และได้โอกาสลงเล่นมากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่า คล็อปป์ ซื้อใจไอ้หนุ่มผู้นี้ คงไม่อยากจะให้จากทีมไปไหนนั่นเอง และเช่นเดียวกัน หากสโมสรจะไม่ต่อสัญญากับ อาเดรียน นายทวารมือสามอายุ 37 ขวบก็คงไม่น่าสงสัยอะไรเช่นเดียวกัน
คนที่สี่ คอนอร์ แบรดลี่ย์ แบ็กขวาวัย 20 ได้รับบทบาทยืนแบ็กขวาตัวจริงในเกมกับฟูแล่ม ในศึกคาราบาว คัพ รอบตัดเชือกเลกแรก เนื่องจาก เทรนต์ บาดเจ็บ พับผ่าเถอะเห็นฟอร์มไอ้หนุ่มทีมชาติไอร์แลนด์เหนือผู้นี้แล้ว เป็นอีกรายที่น่าจับตามองจริง ๆ แถมเกมรับจะดีกว่ารุ่นพี่เอาเสียด้วยซ้ำ
ลองนึกดูว่าถ้าหากแบรดลี่ย์ รักษาการเล่นไว้ได้ต่อเนื่องจริง ๆ ก็อาจจะทำให้ คล็อปป์ นั้นสามารถโยกเอา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ไปไว้จุดอื่นในแดนกลางได้อย่างสบายใจเฉิบ แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว
ทั้งสี่รายคือดาวรุ่งที่โผล่ผงาดขึ้นมาได้อย่างน่ากลัวในฤดูกาลนี้ครับ อย่าลืมว่า คล็อปป์ ยังมีบรรดาไอ้หนุ่มที่รอวันแจ้งเกิดขึ้นมาอีกอย่าง สเตฟาน บายเซติช, เบน โด๊ค, ลุค แชมเบอร์ส ฯลฯ เมล็ดพันธุ์ของอะคาเดมี่เริ่มผลิดอกออกผลจริง ๆ
โปรดติดตามฟอร์มของพวกเขาด้วยใจระทึก ดูกันว่าใครจะก้าวขึ้นสู่ตัวจริงได้อีก.