“กฎหมายลงโทษอย่างสาสมหรือเปล่า” สัปดาห์นี้ขอเปิดคอลัมน์ด้วยข้อความจากซีรีส์เรื่องหนึ่งที่กำลังอินอยู่ในเวลานี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นซีรีส์เกาหลี แต่มันช่างประจวบเหมาะกับเหตุการณ์บ้านเมืองในบ้านเราหลาย ๆ สถานการณ์ซะเหลือเกิน รวมถึงเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ในอดีตที่เคยทดไว้ในใจ การมีอารมณ์ร่วมจะทำให้ดูซีรีส์เรื่องนี้สนุกขึ้นเยอะเลย แต่ก่อนไปเข้าเรื่อง ขอขายของก่อนในฐานะคนด้อมเดียวกัน สำหรับใครที่เป็นติ่งซีรีส์ของตี๋ “นัมจูฮยอก” ต่อไปนี้ทุกวันพุธอีก 3 พุธเธอจะไม่เหงาแล้วนะ ถึงตัวจะเข้ากรมนานกว่า 7 เดือนแล้ว แต่ก็ยังฝากซีรีส์สายดาร์ก แอกชันบ้าดีเดือดเอาไว้ให้ชาวติ่งได้ดูให้หายคิดถึง ใครที่อยากเห็นตี๋นัมจูในบทดาร์ก ๆ โหด ๆ บู๊ ๆ มานาน ถูกใจแน่นอน!
Vigilante ความหมายตาม dictionary แปลว่า ผู้ที่ลงโทษผู้กระทำผิดโดยพลการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือถ้าจะให้แปลไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ คนที่ตั้งตัวเป็น “ศาลเตี้ย” นั่นเอง สำหรับซีรีส์เรื่อง Vigilante เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูนชื่อเดียวกัน เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบสองหน้า ตอนกลางวันของวันธรรมดา เขาคือนักเรียนตัวอย่างของโรงเรียนตำรวจ ผู้ที่มุ่งมั่นตั้งใจปกป้องกฎหมายเพื่อที่จะจบออกไปเป็นตำรวจที่ดี แต่ในตอนกลางคืนของทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะคลุมฮู้ดสวมชุดดำ เปลี่ยนบทบาทจากนักเรียนตำรวจกลายเป็นผู้ลงทัณฑ์ ออกตามไล่าล่าอาชญากรเดนสังคมที่สมควรได้รับโทษอย่างสาสม จนได้รับฉายาจากสังคมว่า Vigilante
จริง ๆ แล้วการที่เขาสวมบทบาทเป็นคนสองหน้าใช้ชีวิตสองแบบเช่นนี้ มันมีที่มาที่ไปที่น่าหดหู่ เพราะตัวเขาในวัยเด็กก็คือหนึ่งในเหยื่อที่กฎหมายไม่ให้ความยุติธรรม แม่ของเขาถูกอันธพาลทำร้ายจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขาที่ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ แต่สิ่งที่พวกมันได้รับ คือโทษจำคุกเพียงแค่ 3 ปี 6 เดือนเท่านั้น ในขณะที่เขาต้องเติบโตขึ้นมาตามลำพังแบบเด็กกำพร้าขาดแม่ ใช้ชีวิตด้วยความแค้นคับอกมานานถึง 12 ปี ซึ่งเมื่อเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขายิ่งเกลียดพวกอาชญากรพวกนี้เข้าไส้ เพราะเขาพบว่าพวกมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่เคยรู้สึกขอโทษเหยื่อ ไม่เคยสำนึกผิดอย่างจริงใจ ไม่เคยคิดจะกลับตัวกลับใจ ยังคงเป็นสวะสังคมยังไงก็อย่างงั้น
ในเมื่อพวกมันไม่คิดจะหยุดทำระยำทั้งต่อเหยื่อและคนบริสุทธิ์อื่น ๆ กฎหมายที่ควรจะคุ้มครองประชาชนก็ปกป้องคนบริสุทธิ์ไม่ได้ ประชาชนเหมือนกัน แต่ประชาชนที่เป็นเหยื่อมีค่าน้อยกว่าประชาชนที่เป็นอาชญากร ผู้คนในสังคมตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัว เขาจึงต้องลุกขึ้นมาลงโทษผู้กระทำผิดที่รอดพ้นจากเงื้อมมือกฎหมาย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่และตัวเขาเอง รวมถึงปกป้องคนบริสุทธิ์อื่น ๆ ที่อาจตกเป็นเหยื่อเข้าในสักวัน สิ่งที่เขาทำ ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมยกย่องให้เขาเป็นดาร์กฮีโร่ แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีคนที่ตั้งคำถามเช่นกัน ว่าเขาคือความยุติธรรมที่แท้จริง หรือเป็นเพียงแค่อาชญากรคนหนึ่งที่ไม่กลัวกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับอาชญากรทุกคนที่เขาจัดการ
แกจะมีชีวิตแบบนี้ไม่ได้ ครอบครัวฉันพังไปก็เพราะแก นี่มันกฎหมายแบบไหนกัน
จำได้ว่าเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว ว่าซีรีส์แนวดาร์กฮีโร่พิทักษ์สังคม ตามไล่ล่าอาชญากรที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแรก ๆ ของซีรีส์เกาหลี ตั้งแต่ที่หลุดเข้าสู่วงการติดซีรีส์เกาหลีมาหลายปี สังเกตเห็นว่าปี ๆ หนึ่ง เกาหลีผลิตคอนเทนต์แนวนี้ประมาณ 2-3 ครั้งได้ ประมาณว่ากฎหมายที่หย่อนยานไม่สามารถปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ จึงมีคนหรือกลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาตั้งตัวเป็นกฎหมายเสียเอง แล้วคุ้มครองทุกคนด้วยสองมือสองขาทั้งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงมักจะมีบทสนทนาแฝงในซีรีส์แนวอื่นบ่อย ๆ ประมาณว่ากฎหมายไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับคนที่เป็นเหยื่อสักเท่าไร แต่กลับเข้าข้างผู้กระทำผิดซะเต็มประดา ในเมื่อกฎหมายทำอะไรไม่ได้ ศาลเตี้ยจึงทำงาน
พูดจากใจคนที่ดูซีรีส์แนวดาร์กฮีโร่มาเยอะนะ ขอบอกว่าไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เข้าข้างตัวเอกที่ต้องสวมบทเป็นดาร์กฮีโร่พิทักษ์ผู้คนจากเหล่าอาชญากรและจากกฎหมายที่มักจะเอียงกระเท่เร่ไปหาคนทำผิดอยู่เสมอเลย ก็เห็น ๆ กันอยู่ในชีวิตจริงว่ามันเละเทะแค่ไหน องค์กรสิทธิมนุษยชนทำงานเก่งมากเวลาที่คนร้ายถูกกระทำรุนแรง แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอดเวลาเหยื่อส่งเสียงคัดค้าน ซึ่งมันทำให้รู้สึกจุกและสะอิดสะเอียนทุกครั้ง เวลาที่ได้ยินคำพูดที่ว่ากฎหมายเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถกลับตัวกลับใจได้ หรือให้ถือว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง คือมันใช้ไม่ได้กับทุกคนไง มันควรจะมีกระบวนการพิสูจน์ที่มากกว่านี้ไหมว่าผู้ร้ายคนไหนกลับตัวกลับใจได้ หรือคนไหนยังเป็นเดนนรกอยู่วันยังค่ำ
และด้วยความที่ผ่านซีรีส์แนวนี้มาเยอะ เราสามารถเดาทางออกตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคนที่จะลุกขึ้นมาตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเนี่ย ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เขาก็อยากจะลุกขึ้นมาทำหรอก มันมักจะมีที่มาที่ไปว่าตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กฎหมายละเลย หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่มีช่องโหว่ให้พวกอาชญากรหาทางทะลวงเอาตัวรอดได้ แต่ถึงจะรู้แบบนี้ในซีรีส์ทุกเรื่อง แต่ก็ไม่เคยทำใจได้ซักทีเวลาที่ซีรีส์แฟลชแบ็กไปที่ภูมิหลังของตัวละครดาร์กฮีโร่ ที่วันนี้เขาลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองและคนอื่น แต่อดีตเขาเคยเป็นคนที่ชีวิตพังยับเยินเพราะคดีอาชญากรรมร้ายแรง ทว่ากฎหมายช่วยอะไรเขาไม่ได้ เหยื่อหลายคนตายฟรี อีกหลายคนก็ตกนรกทั้งเป็น ใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป
เหมือนที่พระเอกเรื่องนี้ (และตัวเอกเรื่องอื่น ๆ) เจอเปี๊ยบ แม่เขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา ภาพจำวันที่แม่ถูกฆ่าน่าจะติดอยู่ในความทรงจำของเขาไปตลอดชีวิต แต่คนผิดไม่เคยจำได้ว่าเหยื่อร้องขอชีวิตยังไง แถมยังลอยหน้าลอยตาสร้างความวุ่นวาย ก่อคดีกับคนอื่นไปทั่วแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายใด ๆ ไม่เคยรู้สึกสำนึกผิดใด ๆ ไม่เคยกลับตัวกลับใจ ทำลายชีวิตใครไป เต็มที่ก็แค่ติดคุก แต่ติดคุกแล้วไงอะ ที่ซุกหัวนอนฟรี ข้าวฟรี งานการก็ไม่ต้องหาทำ ใช้ชีวิตสบาย ๆ แค่สองสามปีเดี๋ยวก็พ้นโทษกลับคืนสังคม ยิ่งในสังคมที่ให้โอกาสก็ใช้ชีวิตง่ายมาก หรือถ้าใครไม่ให้โอกาสแล้วหาเรื่องใส่ตัว คนคนนั้นก็จะเป็นคนผิดซะเอง คนที่ทำลายชีวิตคนอื่นก็ได้ใช้ชีวิตแบบนี้แหละ นี่มันกฎหมายแบบไหนกัน?
อาชญากรมากมายคิดว่าพวกเขาถูกจับก็เพราะเหยื่อ
เป็นอีกประเด็นใกล้ตัวที่เราก็เห็น ๆ กันอยู่ทั้งในซีรีส์เรื่องอื่นและในชีวิตจริง แต่เป็นประเด็นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในซีรีส์เรื่องอื่นเลย ก็คือเรื่องที่ว่าพวกอาชญากรเนี่ย หลังจากที่ทำลายชีวิตของเหยื่อไปแล้ว มันยังเคียดแค้นเหยื่อเป็นอย่างมากด้วยว่าทำให้พวกมันถูกจับ เหยื่อหลายคนถูกคุกคามตามรังควาญให้เลิกสู้คดี บางคนถูกขู่ฆ่า หรือไม่ก็ถูกเก็บจริง ๆ เพื่อปิดปากและตัดตอนที่ทำให้พวกมันถูกจับ ด้วยเหตุที่เหยื่อแจ้งตำรวจ เหตุที่เหยื่อขอให้กฎหมายคุ้มครองตัวเอง แต่สุดท้ายกฎหมายก็ปกป้องเหยื่อเหล่านี้ไว้ไม่ได้ พวกเขาต้องโดนกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากเหตุผลเดียวก็คือ กฎหมายไม่จัดการคนเลวให้ราบคาบไปเลย
ขึ้นชื่อว่าขยะสังคมอะเนอะ พวกมันไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองผิด พวกมันไม่เคยโทษตัวเองอยู่แล้ว ว่าเพราะตัวเองไปทำลายชีวิตคนอื่นเขาก่อน ตัวเองถึงถูกกฎหมายหรือถูกสังคมลงโทษ แต่พวกมันจะโทษเหยื่อเพื่อหาข้ออ้างในสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้ามันออกจากคุกมาแล้วโดนชาวบ้านประณาม ถูกด่าถูกทำร้าย มันจะโยนความผิดไปที่เหยื่อก่อนเลยว่าทำให้ชีวิตมันพัง เพราะเหยื่อมันถึงถูกจับ ก็ติดคุก (ด้วยเวลาอันน้อยนิด) เพื่อชดใช้ความผิดแล้วไง ออกจากคุกมายังโดนสาปแช่งฉ่ำ ๆ อีก ไปสมัครงานหางานทำที่ไหนก็ไม่ได้เพราะเขาไม่รับคนขี้คุกที่มีประวัติอาชญากร พอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองพังบ้างก็ไม่ยุติธรรม มันจึงหันกลับไปเล่นงานเหยื่ออีกครั้งด้วยความแค้น โทษฐานทำลายชีวิตมัน
บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นนี้ได้ดีมาก ดูน่ากลัวเลยล่ะ ทั้งการสร้างให้คนร้ายทำทีว่าหลบหนี แต่แท้จริงคือย้อนกลับมาหาเหยื่อเพื่อฆ่าเหยื่อ ทั้งความโหดเหี้ยม ความเลวบริสุทธิ์ของคนร้ายที่ตั้งใจจะกลับมาจัดการเหยื่อที่มันคิดว่าทำชีวิตมันพัง และอีกเรื่องก็คือที่สร้างให้พระเอกมาช่วยชีวิตเหยื่อไว้ได้ทันเวลาพอดี ถึงมันจะดูโอเวอร์และละค้อนละครไปหน่อยก็เถอะนะ แต่เชื่อว่าหลายคนเอาใจช่วยให้พระเอกมาช่วยได้ทันเวลาแล้วจัดการคนเลวนี่ให้สิ้นซากไปซะ ส่วนหนึ่งคืออยากดูพระเอกเล่นบทโหดจัดการคนชั่ว อีกส่วนหนึ่งเพราะความอัดอั้นบางอย่างที่อิงกับความเป็นจริง ถ้าสังคมมีอะไรแบบนี้จริง ๆ ก็คงจะดี (มั้ง?) และอีกส่วนคือสงสารเหยื่อ เธอไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว
มันเป็นอะไรที่ชวนให้หดหู่ใจไม่น้อยเลยนะ ชีวิตของคนที่เคยถูกกระทำ กว่าจะก้าวข้ามรอยแผลมาได้ ต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตัวตน ย้ายที่อยู่เพื่อหนีความเจ็บปวดในอดีต ก็ยังไม่วายโดนตามจองล้างจองผลาญจากสวะสังคมคนเดิมที่สร้างบาดแผลใหญ่ไว้ให้ในชีวิต เพิ่มเติมคือครั้งนี้มันกะจะมาเอาชีวิต เพราะแค้นที่ทำชีวิตมันพัง คือสับสนอะไรมากไหมเอ่ย ใครกันแน่ที่ชีวิตพัง พังทั้งที่อยู่เฉย ๆ ไม่เคยไปทำอะไรกับใครเลย และใครกันแน่ที่ควรจะต้องรู้สึกเคียดแค้น ถ้าพวกคนร้ายที่ถูกปล่อยตัวคืนสังคมเพราะคำวินิจฉัยที่ไร้สาระของศาลเป็นแบบนี้กันหมด คนบริสุทธิ์จะอยู่กันยังไงทีนี้
กฎหมายมีช่องโหว่อยู่ มันมักจะปรานีคนชั่วที่ไม่สมควรได้รับมัน แต่ตอนนี้…ฉันจะอุดช่องโหว่นั้นเอง นี่แหละ ความยุติธรรม
ในที่สุดก็ได้พูดถึงพล็อตหลักของซีรีส์เรื่องนี้ จุดเริ่มต้นของคาแรกเตอร์พระเอกที่ทำให้คนดูรู้สึกย้อนแย้งหลายสิ่งอย่างในเวลาเดียวกัน ประการแรก คือการตั้งคำถามกับสิ่งที่พระเอกทำ ว่าแท้จริงแล้วพระเอกคือความยุติธรรมที่ประชาชนตามหา หรือพระเอกก็เป็นแค่อาชญากรคนหนึ่งที่สุดท้ายก็ต้องถูกลงโทษด้วยกฎหมาย ประการต่อมา คือเราต้องเป็นคนแบบไหนนะ ที่รู้สึกสะใจมากกับความรุนแรงที่อยู่เหนือกฎหมาย ก่อนเปิดดูซีรีส์เรื่องนี้ ทีแรกคิดว่าพระเอกแค่มาจัดการพอหอมปากหอมคอ แค่ให้ได้รู้ซึ้งกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำแบบที่ทีมแท็กซี่สายรุ้งจาก Taxi Driver ทำ แต่ความจริงคือถึงขั้นฆ่าให้ตายตกตามกันไปเลย มันเลยออกจะโหดดิบเถื่อนไปหน่อย แต่เรากลับรู้สึกว่าก็สาสมแล้ว
อีกประการที่ชวนให้ขบคิด ก็คือการตั้งคำถามถึงข้อกฎหมายที่ใคร ๆ ก็อยากจะให้มันเข้มงวดและมีบทลงโทษรุนแรงกว่านี้ในการจัดการกับเหล่าอาชญากร เพื่อให้คนพวกนี้รู้จักเกรงกลัวกฎหมาย แต่ถ้าคนร้ายคนนั้นเป็นแพะล่ะ ถูกจับผิดตัว ถูกใส่ร้าย คนร้ายที่อยู่ในขั้นตอนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ที่ท้ายที่สุดเขาบริสุทธิ์จริง คนร้ายที่สำนึกผิดและอยากกลับตัวจริง ๆ หรือคนร้ายที่พลั้งมือจากการป้องกันตัว อันนี้เห็นมาจากซีรีส์อีกเรื่องที่กำลังออนแอร์อยู่เหมือนกัน เหยื่อที่รอดปลอดภัยดันกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะคนร้ายอาการสาหัส หรือเป็นคนร้ายประเภทเดียวกับพระเอกที่อยากล้างบางคนเลวเพื่อให้สังคมมันดีขึ้น ในกรณีแบบนี้กฎหมายจะว่ายังไง
เพราะถ้าจะให้กฎหมายมันศักดิ์สิทธิ์ เข้มงวด รุนแรงจนคนกลัวแล้วไม่กล้าทำผิดกฎหมายจริง ๆ มันก็ต้องไม่มีข้อยกเว้นกับใคร หรือให้ใครมาอาศัยช่องโหว่ตรงนี้แอบอ้างเอาตัวรอดได้ ก็ทุกวันนี้มันมีช่องโหว่เผื่อกรณีต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไง สุดท้ายมันถึงวนกลับมาลูปเดิม ที่มีคนเลวหาประโยชน์จากรูรั่วนี้ได้ กฎหมายดูที่เจตนาเป็นหลัก แต่แค่จ้างทนายที่เก่ง ๆ หน่อยก็สามารถพลิกดำเป็นขาวได้ไม่ยาก เนี่ย! ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราได้เก็บอะไรกลับมาขบคิดหลายอย่างเลยนะ ถึงมันจะเป็นแค่ละคร แต่เขาก็อ้างอิงมาจากชีวิตจริงแบบที่เราก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าช่องทางเอาตัวรอดทางกฎหมายมันง่ายดายแค่ไหน ดูละครแล้วย้อนดูตัว คำนี้ยังคงเป็นจริง
และประการสุดท้าย (ที่นึกออก) ก็คือ เรามีสิทธิ์จะไปตัดสินชีวิตคนอื่นมากแค่ไหนกันว่าคนไหนสมควรอยู่หรือคนไหนสมควรตาย มีสิทธิ์แค่ไหนที่จะไปพิพากษาชีวิตคนอื่น ทำตัวว่ามีอำนาจเหนือกฎหมาย แม้ว่ากฎหมายหรือศาลสถิตยุติธรรมจะไร้น้ำยาแค่ไหนก็ตาม ยิ่งโดยเฉพาะกับคาแรกเตอร์ของพระเอกที่เขาดันเขียนให้ใช้ชีวิตแบบสองหน้า กลางวันเป็นนักเรียนตำรวจที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย แต่กลางคืนกลายเป็นพวกที่แหกขนบและท้าทายกฎหมายเสียเองแบบนี้ มันก็สร้างความย้อนแย้งในตัวเองอยู่พอสมควร การเดินทางสู่เส้นทางตำรวจของเขา จริง ๆ ก็เพื่อตามหาข้อมูลอาชญากร และใช้ต้นทุนมากมายในการฝึกตำรวจเพื่อมาปิดบัญชีกับอาชญากร โดยวิธีที่เขาเลือกก็คือ ความรุนแรง จัดการถึงขั้นตายตกอย่างสาสมเพื่อให้ร้องขอชีวิต เพราะชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตถึงจะสาสม
ส่วนตัวเรื่องก็พยายามปั่นว่าตำรวจและนักกฎหมายคนอื่น ๆ ตัดสินว่าเขาก็เป็นเพียงฆาตกรที่ไม่ต่างอะไรกับอาชญากรคนอื่น แต่ผู้คนธรรมดา ๆ ในสังคมกลุ่มหนึ่งยกย่องเขาเป็นฮีโร่ ที่พึ่งในยามที่หวังพึ่งกฎหมายไม่ได้ รวมถึงคนดูอย่างเราที่ส่งใจเชียร์ให้พระเอกปิดจ๊อบสำเร็จลุล่วง ไม่โดนคนร้ายเล่นงาน ไม่เจ็บตัวหนัก ไม่โป๊ะแตกถูกจับได้ และไม่โดนจับติดคุก แม้ว่าแรงขับแรกของเขาจะเริ่มต้นมาจากคดีความแค้นส่วนตัวก็ตาม แต่ทุก ๆ การลงมือของเขามันช่วยเหลือคนอื่นให้รอดพ้นจากบาดแผลที่เลวร้าย กลายเป็นปมใหญ่ที่ทำให้หลายคนสนับสนุนและเอาใจช่วยเขา
เรียกได้ว่าซีรีส์ Vigilante เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ทำให้คืนวันพุธคึกคักขึ้นเยอะ แถมยังเป็นประเด็นที่ทัชใจคนดูได้ไม่ยาก ด้วยการหยิบแง่มุมจริงจากความไม่ยุติธธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมมาขยายความแบบสุดโต่ง เมื่อกฎหมายมีช่องโหว่มากมายที่ทำให้ใคร ๆ ก็ไม่เกรงกลัว บวกกับการเจอกับอาชญากรที่เลวทรามแบบไร้ตำหนิแบบเดนมนุษย์ขนานแท้ ทำผิดแต่ไม่ได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม จึงมีคนคนหนึ่งที่ไม่นิ่งดูดายให้สังคมมันเละเทะไปมากกว่านี้ แต่วิธีการแบบ “ศาลเตี้ย” ที่เขาทำมันก็ชวนตั้งคำถามว่าเขากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือผิดกันแน่ และที่สำคัญ เขาไม่ได้เป็นผู้ล่าอยู่ฝ่ายเดียว แต่ทีมตำรวจที่มีบ้างที่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ ก็กำลังตามไล่ล่าฮีโร่คนนี้อยู่เช่นกัน เพราะมันเป็นหน้าที่!👊