DOONA! ซีรีส์ที่เกือบจะเลื่อนผ่าน เพราะเจอแต่รีวิวว่าไม่ค่อยสนุก

สัปดาห์นี้ อยากจะลองเปิดคอลัมน์ด้วยคำถามชวนคิดที่มาจากความสงสัยส่วนตัว ว่าเคยมีใครที่รู้สึกบวก/ลบกับซีรีส์บางเรื่องตั้งแต่ยังไม่เคยเปิดดูแม้กระทั่งทีเซอร์ไหม ก็แบบว่าไถเฟซบุ๊กแล้วดันไปเจอพวกเพจต่าง ๆ ที่รีวิวหนังรีวิวซีรีส์เข้า เห็นว่ามันเป็นซีรีส์ที่เป็นที่พูดถึงเยอะ (แต่ยังไม่รู้ว่าในแง่ไหน) เลยลองกดเข้าไปอ่านเล่น ๆ ว่าเขามองซีรีส์เรื่องนี้กันยังไง แล้วอ่านแค่คอนเทนต์รีวิวไม่พอ ยังจะกดเข้าไปอ่านทิศทางของคอมเมนต์อีกว่าไปในทิศทางไหน เห็นด้วยเยอะหรือเห็นต่างเยอะ จากนั้นเราก็ค่อย ๆ เริ่มมีแนวโน้มจะคล้อยตามรีวิวกับคอมเมนต์คนส่วนใหญ่ ประมาณว่าเขาว่าไงเราก็ว่าตามนั้น ถ้าเขาบอกว่าเรื่องนี้ดี ก็จะลองเปิดดู แต่ถ้าเขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่ดี ก็ไม่รู้จะดูให้เสียเวลาทำไม

ซึ่งนิสัยคล้อยตามพลังโซเชียลแบบนี้นี่แหลที่น่ากลัว ในกรณีของซีรีส์ มันอาจจะแค่ทำให้เราเกือบจะพลาดซีรีส์ดี ๆ หลายเรื่อง หรือไม่ก็เสียเวลาไปกับซีรีส์หลายเรื่อง ที่พอเราดูเองแล้วเรากลับมีความคิดเห็นสวนทางกับรีวิวส่วนมาก เรื่องที่ ‘เขา’ บอกกันว่าไม่สนุก แต่เราดูแล้วถูกจริตเราเฉย ส่วนเรื่องไหนที่ ‘เขา’ บอกว่าสนุกมาก เราก็เพลิดเพลินจำเริญใจจัดหลับใส่ซะเลย แต่ถ้าเป็นประเด็นสังคมอื่น ๆ บางทีมันอาจจะสร้างอคติที่น่ากลัวบางอย่างขึ้นมาในใจเราอย่างไม่รู้ตัวก็ได้ ยิ่งกับประเด็นสังคมใหญ่ ๆ แล้วคนทั่วไปมีแนวโน้มจะเชื่ออะไรโดยไม่กลั่นกรอง เรื่องมันจะวุ่นวาย

นี่จึงเป็นข้อคิดเล็ก ๆ ที่ได้จากกรณีนี้ คือก่อนจะตัดสินว่าซีรีส์เรื่องไหนควรดูหรือควรผ่าน (หรือกับกรณีใดก็ตาม) ลองเข้าไปเปิดดูเองก่อนสัก 2-3 ตอน แล้วใช้วิจารณญาณส่วนตัวตัดสินว่าจะไปต่อหรือจะไปต่อเหมือนกันแต่เรื่องอื่น บางทีดูแค่ตอนเดียวก็ยังบอกอะไรได้ไม่มากด้วย บางเรื่องจะเนิบ ๆ เนือย ๆ ช่วงปูเข้าเรื่อง ทว่าส่วนใหญ่จะทิ้งบอมบ์ไว้ในตอนจบ แบบว่าเอาอีพี 2 มาเดี๋ยวนี้ซิ! คือมันก็เสียเวลาแหละ แต่เราก็ยังได้ตัดสินเองว่าจะดูหรือไม่ดู ไม่ใช่ดูเพราะคนอื่นบอกสนุก หรือไม่ดูเพราะคนอื่นบอกไม่สนุก คนเรามันหลากหลาย รักชอบอะไรไม่เหมือนกัน จริตคนละแนว อะไรที่สังคมดูแล้วไม่ชอบเราอ่านจะชอบ หรืออะไรที่สังคมเขาฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง เราอาจจะเฉย ๆ ก็ได้

ภาพจาก IG: netflixkr

ที่อุตส่าห์เสีย 3 ย่อหน้าในการอารัมภบทเข้าสู่คอลัมน์ เพราะมันเกี่ยวข้องกับซีรีส์ในสัปดาห์นี้นี่แหละ ต้องบอกก่อนว่า DOONA! หรือชื่อไทยจาก Netflix ว่า ดูนา ไอดอลสาวข้างบ้าน เป็นซีรีส์ที่เราไม่ได้มีความกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะดูเป็นพิเศษ เพราะแค่เห็นชื่อเรื่องก็เดาเรื่องย่อออก แล้วยิ่งไปอ่านเรื่องย่อจริง ๆ ก็พบว่ามันเป็นซีรีส์แนวที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เป็นพล็อตธรรมดาไม่มีปริศนาอะไรน่าตื่นเต้น ในส่วนนักแสดงนำก็คือเฉย ๆ ถึง ซูจี จะเป็นนักแสดงไอดอลตัวท็อปของวงการ แถมสวยมาก แต่นี่ไม่ได้เป็นติ่งเธอที่ต้องตามดูซีรีส์เธอทุกเรื่อง ซีรีส์เรื่องนี้เลยเป็นเหมือนตัวเลือก ที่ถ้าเลือกได้ก็คงจะไม่ดู

แล้วยิ่งไปอ่านเจอรีวิวที่ไปในทิศทางลบซะมากว่าว่าไม่สนุกบ้าง เนื้อหาเบาบางดุจขนนกบ้าง ไม่สมกับที่รอคอยและคาดหวังบ้าง ขายแต่พระเอก-นางเอก แต่เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลยบ้าง เนี่ย! มันก็ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยิ่งไม่น่าดูเข้าไปใหญ่เลย แต่เพราะตอนนี้ซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ หมดสต็อก แล้วเรื่องนี้แหละใหม่สุดแล้ว เพิ่งเข้า Netflix ได้สัปดาห์เดียว เลยต้องลองเปิดใจเปิดดู อีพีแรกง่วงไม่ไหว สถานการณ์พระเอกนางเอกก็อึดอัดเกิน แต่พออีพีถัด ๆ มา มันเริ่มมีประเด็นอะไรให้ค้นหาต่อ เริ่มเห็นข้อคิดบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ และลุ้นตัวละครคู่ผีผลัก 555 เลยดูด้วยอารมณ์แบบไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวังยาวยันจบ 9 อีพี ทั้งที่มันเดินเรื่องเอื่อย ๆ เนิบ ๆ ชวนอึดอัดและเหม็นควันบุหรี่ทะลุจอทั้งเรื่อง

ภาพจาก IG: netflixkr

DOONA! ดูนา ไอดอลสาวข้างบ้าน เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-ดราม่า มีกลิ่นอายของการ์ตูน เพราะถูกรีเมกจากเว็บตูนเรื่อง The Girl Downstairs (Doona!) เรื่องราวเกี่ยวกับความรักของหนุ่มสาว 2 คนที่ชีวิตของพวกเขาดูเหมือนว่าอยู่กันคนละจักรวาล โดยทั้งคู่มาเจอกันเพราะอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในแชร์เฮาส์สำหรับนักศึกษาใกล้มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นนักศึกษาปี 2 ธรรมดา ๆ ที่ย้ายมาจากต่างจังหวัด เพราะไม่ไหวที่จะต้องเดินทางไปกลับ ส่วนหญิงสาว เป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปวงดังที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ด้วยปัญหาบางอย่าง เธอหันหลังให้วงการไอดอลอย่างกะทันหันทั้งที่กำลังไปได้สวย แล้วหนีมาซุกตัวหายใจทิ้งไปวัน ๆ ที่ชั้น 1 ของแชร์เฮาส์หลังนี้

ปกติก็แบบนี้นะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้สึกตัวว่ามีแผล ก็เริ่มสนใจแผล เริ่มแสบขึ้นมาทันที

เปิดเรื่องมาแบบที่ทำให้คนดูได้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่าบุคลิกแบบนางเอกเนี่ย เป็นพวกขี้แพ้ขนานแท้ ถึงจะพอมองด้านมืดของชีวิตไอดอลออกว่าต้องเจอเข้ากับเรื่องอะไรมาแน่ ๆ แต่ซีรีส์ก็เลือกที่จะทำให้คนดูได้เห็นภาพจำแรกของนางเอกว่าเป็นคนขี้แพ้อยู่ดี ภาพที่นางไม่สู้กับปัญหา จากการที่นางเล่นตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีชีวิตไอดอลมาใช้ชีวิตธรรมดาแบบหายใจทิ้งไปวัน ๆ ซุกตัวอยู่ในแชร์เฮาส์นักศึกษา ถ้าคนอื่นออกไปเรียนหรือออกไปทำงาน part-time นางก็อยู่แต่บ้าน นอนครึ่งวัน นั่งสูบบุหรี่อีกครึ่งวัน ไม่แคร์ไม่สนว่าคนอื่นจะคิดจะมองว่าเป็นไอดอลตกอับยังไง อยากทำอะไรก็ทำไม่ปิดบังหน้าตา ใช้ชีวิตแบบที่ตัวนางเองยังเรียกว่า “ชีวิตเฮงซวย” เลย

ภาพจาก IG: netflixkr

แต่ภายใต้ภาพลักษณ์ที่แสดงให้คนอื่นเห็น ความสวยเฉี่ยว เย่อหยิ่ง ก๋ากั่น สายตาและท่าทางพร้อมบวก นิสัยเอาแต่ใจ I don’t care กับทุกเรื่อง อยากพูดอะไรก็พูดไม่สนว่าใครจะเข้าใจยังไง เป็นผู้หญิงร้าย ๆ ที่ชอบแกล้งกวนประสาทใส่พระเอก มันมาพร้อมกับปมลึก ๆ ในใจที่ผิดหวังและใจสลายจากแม่แท้ ๆ และผู้ชายคนหนึ่ง พวกเขาทำกับนางอย่างเจ็บปวด ด้วยการทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว และลงโทษแบบให้นางรู้ว่าตัวเองกำลังโดนทิ้งอยู่นั่นเอง

รวมถึงชีวิตการเป็นไอดอลที่แสนกดดัน นางต้องทำอะไรต่าง ๆ เพื่อธุรกิจของคนอื่นทั้งที่ตัวเองฝืน ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ต้องอดทนโดยไม่มีข้อแม้ อีกทั้งการเป็นคนดังมีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด แต่ถ้าพลาดเมื่อไร คนที่รักก็สามารถกลายร่างเป็นซาตานที่แสดงความเกลียดชังได้น่ากลัวกว่าคนที่เกลียดกันแต่แรกเสียอีก นางมักจะโดน hate speech ที่สังคมสาดใส่เพื่อซ้ำเติมแผลเหวอะหวะในใจว่าเพราะทำตัวแบบนี้เลยสมควรเล้ว คอมเมนต์แสดงความเกลียดชังและสะใจ เป็นสิ่งที่นางโดนมาจนชิน เป็นคนที่ใครจะพูดแบบไหนด้วยก็ได้ทั้งนั้น จนนางต้องเย็นชากับโลกนี้ มาถึงจุดหนึ่ง แพชชันในการเป็นไอดอลมันก็หายไป นางร้องเพลงไม่ออก เต้นไม่ได้ การหันหลังให้วงการจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ภาพจาก IG: netflixkr

ขออวยว่า ซูจี เป็นนักแสดงที่แสดงออกด้วยสายตาเก่งมากกับบท “ดูนา” ถ้าสังเกตสายตาตัวละคร “ดูนา” ดี ๆ จะเห็นเลยว่าแววตาเย็นชา ไม่สนไม่แคร์ มักจะอบอวลไปด้วยความโศกเศร้าเสมอ แสดงให้เห็นว่านางแบกรับมวลความทุกข์ทั้งหมดไว้โดยที่ไม่รู้จะบอกเล่าให้ใครฟัง นางไม่มีเพื่อน และไม่มีใครที่จะถามเพื่อรอฟังคำอธิบาย เพราะใคร ๆ ก็มักจะเชื่อในแบบที่ตัวเองอยากจะเชื่อกันทั้งนั้น เหตุผลที่แท้จริงจึงไม่สำคัญ ความเจ็บปวดค่อย ๆ แปรเปลี่ยนออกมาเป็นความหยาบกระด้าง เย้ยหยันประชดชีวิต และผลาญเวลาไปวัน ๆ ด้วยการอัดบุหรี่ จนคนดูปอดจะพังอยู่แล้ว

ซูจี ให้สัมภาษณ์ว่าตัวละครดูนาในเว็บตูนนั้นสูบบุหรี่เยอะมาก (มากจนคนที่ดูซีรีส์อย่างเดียวสงสัยว่าทำไมต้องให้นางเอกเป็นสิงห์อมควันอะไรขนาดนี้) และผู้กำกับก็ตีความว่า “บุหรี่” คือสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตนของดูนา การอัดบุหรี่เข้าไปชนิดที่ว่ามีชีวิตอยู่เพื่อสูบบุหรี่ของดูนา แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว ความแตกสลาย และทำให้ดูนาเป็นขี้แพ้ของแท้ เหนือสิ่งอื่นใด มันยังเป็นเกราะที่กันเธอให้ออกห่างจากคนอื่น ใคร ๆ ก็จะเดินหนีเธอถ้าเธอตัวเหม็นบุหรี่ แต่พระเอกเป็นคนเดียวที่ไม่เดินหนีเธอ ทั้งที่การเจอกันครั้งแรกเธอกำลังสูบบุหรี่อยู่ กลับกัน เขาคือคนที่เดินเข้ามาหาเธอ เธอจึงเริ่มเปิดใจให้ผู้ชายคนนี้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นพระเอกเพียงคนเดียวที่เธอเปิดใจ

ภาพจาก IG: netflixkr

จากปมปัญหาชีวิตที่ค่อนข้างหนักหน่วงสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง พัฒนาคาแรกเตอร์ของดูนาให้กลายเป็นสาวมั่นกร้านโลกแบบที่เห็น แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้างในเต็มไปด้วยบาดแผล ขาดแคลนความรัก และต้องฝืนอดทนทำในสิ่งที่ตัวเองรักจนมันกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงใจตัวเอง จากนั้นทุกอย่างก็พังและแตกสลายเพราะเลิกที่จะอดทน อดทน 100 ครั้งไม่มีใครเห็น แต่คนจะรุมประณามในครั้งที่ 101 ที่เราไม่อดทนแล้ว และในที่สุด เราจะกลายเป็นคนขี้แพ้ที่น่ารังเกียจ โดยที่คนพวกนั้นไม่มีใครเคยรู้เลยว่าเราเจออะไรมาบ้าง นางเอกพยายามเก็บซ่อนแผลของตัวเองได้เป็นอย่างดี จากภาพลักษณ์ที่หยาบกระด้างไม่แคร์โลก แต่พอพระเอกเห็นแผลของเธอ เธอก็คิดว่าเขาน่าจะเยียวยาเธอได้

แน่นอนว่าเราไม่สามารถรู้เรื่องราวของทุกคนได้หรอก ไม่ว่าใครก็มีเรื่องราวจริง ๆ ของตัวเอง ที่อยากเก็บซ่อนเอาไว้กันทั้งนั้น

ภาพจาก IG: netflixkr

เพราะดูนา เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่ใช้ชีวิตนอกเหนือวัฏจักรวัยรุ่นธรรมดา (จะเรียกว่าแบกทั้งเรื่องก็ได้) เรื่องปมปัญหาชีวิตของนางก็เลยต้องถูกถ่ายทอดออกมามากกว่าตัวละครอื่น ๆ แต่แท้จริงแล้ว ทุกตัวละครที่รายล้อมตัวดูนา ต่างก็สะบักสะบอมกับวิถีชีวิตของตัวเองไม่แพ้กัน ชอบในการค่อย ๆ บอกเล่าและสานต่อมิตรภาพของคนกลุ่มนี้ ที่ในที่สุดทุกคนก็เรียนรู้ที่จะเยียวยาบาดแผลของกันและกัน และยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในที่สุด เริ่มจากคนไม่รู้จัก คนที่พัฒนาความสัมพันธ์กันมาแบบแปลก ๆ กลายเป็นคนที่สามารถซบไหล่และปล่อยให้น้ำตาไหลได้โดยไม่อาย

พระเอกก็เป็นเด็กธรรมดา ๆ มาจากต่างจังหวัด ครอบครัวค่อนข้างยากจน พ่อของเขาเสียไปแล้ว เหลือแต่แม่กับน้องสาวที่ป่วย ส่วนตัวเขาก็ต้อวดิ้นรนทำงานเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน ทั้ง part-time ทั้งรับจ้างสอนพิเศษไม่เคยเกี่ยง และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่แอบมีความสุขเพียงแว่บเดียวไปพร้อม ๆ กับความรู้สึกผิด จากการที่แยกมาอยู่ตัวคนเดียว โดยที่ทิ้งแม่กับน้องไว้ข้างหลัง เขาเองก็ใฝ่ฝันอยากหลุดจากพันธนาการตรงนี้

ภาพจาก IG: netflixkr

ส่วนตัวละครอื่น ซึ่งก็คือนักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อนสมาชิกที่เคยอยู่ร่วมแชร์เฮาส์กับพระเอกนางเอก คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่อารมณ์ดีคณะจิตวิทยา คนที่พยายามอย่างหนักเพื่อมีความรัก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรักเสียที มีแฟนทีไรไม่เกิน 100 วันก็มีอันต้องเลิกรา ขนาดที่ต้องตั้งแจ้งเตือนเอาไว้เลยว่าอีกกี่วันจะครบกำหนด ส่วนอีกคนเป็นรุ่นพี่อินโทรเวิร์ตที่อยู่ร่วมบ้านอย่างเงียบ ๆ เขามีกฎเกณฑ์ 1 หน้า A4 แจกให้กับสมาชิกในบ้าน เพราะเขาสนใจแค่ความสงบกับความปลอดภัยของตัวเอง เล่นกีฬาเก่ง เรียนดี และมีมุมมองความรักแบบติดลบ

นอกจากนี้ยังมีเพื่อนผู้หญิงของพระเอกอีก 2 คนที่ก็มีชีวิตแบบประคับประคอง คนหนึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่เกิดที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ด ทำอะไรนอกกรอบอยู่ตลอดเวลาจนหาเรื่องใส่ตัว เรื่องด่างพร้อยในชีวิตของเธอ คือการโดนแฟนชาวต่างชาติที่ไปหนีบกลับมาจากตอนไปอยู่ต่างประเทศนอกใจ แถมยังยืมเงินไปไม่คืนอีกต่างหาก และอีกคนเป็นหญิงสาวทำงานเก่ง เรียนดี เธอเป็นรักแรกของพระเอก ชีวิตดูสวยหรูเพราะบ้านรวย แต่แท้จริงเธอติดกับอยู่กับครอบครัวที่มีความเป็นพิษสูงมาก โดยเฉพาะพ่อของเธอ จนเธอไม่สามารถจะมีชีวิตตามที่ตัวเองต้องการได้ ถ้าไม่ตัดขาดจากครอบครัวออกมา

ภาพจาก IG: netflixkr

นอกจากนี้ยังมีตัวละครเพื่อนสนิทของพระเอกที่อยู่ต่างจังหวัด (คนที่เป็นติ่งนางเอก) เขาคนนี้ตัดสินใจไม่เรียนต่อ แล้วสานต่อกิจการร้านซีฟู้ดเดลิเวอรีของครอบครัว และอีกตัวละครที่ทำซึ้งมาก คือตัวละครที่เป็นเพื่อนร่วมวงเกิร์ลกรุ๊ปของนางเอก ซีนที่นางเอกนัดเจอกับเพื่อนคนนี้ถือเป็นซีนที่ชอบที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ชีวิตของไอดอลสาวที่อยู่เหนือวัฏจักรวัยรุ่นธรรมดา เป็นเด็กหอที่ต้องอยู่รวมกับคนอื่น เป็นเด็กฝึกที่ต้องฝึกอย่างหนัก กินของที่อยากกินไม่ได้ นอนหลับก็ไม่สนิท เป็นเพื่อนแท้กับใครก็ไม่ได้เพราะชีวิตคือการแข่งขัน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนร่วมวง แข่งกับความรู้สึกอิจฉาในใจ ทั้งที่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนเป็น แต่ต้องร้ายใส่และทำเป็นเกลียดเขา เพียงเพราะไม่อยากเกลียดตัวเอง

ฉันไม่อยากเป็นคนห่วย ๆ ที่หกล้มเองแท้ ๆ แต่ดันไปเกลียดคนที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด

ภาพจาก IG: netflixkr

นอกเหนือจากการเสิร์ฟผลงานให้กับบรรดาแฟนคลับของ ซูจี และผู้คิดถึง ยางเซจง การใส่ฉากฟิน ๆ ในโหมดโรแมนติกที่ชวนให้อิจฉาตาร้อน แบบว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อยเปิดเผยด้านมืดว่าอยากจะเข้าสิงร่าง ยางเซจง แบบออกนอกหน้า ส่วนผู้หญิงเยอะแยะก็เอาหน้าตัวเองแปะแทน ซูจี แล้วมโนว่าตัวเองเป็นนางเอก 555 หรือคนอีกจำนวนหนึ่งที่ดูไม่จบเพราะบอกว่าไม่สนุก คือไม่ได้จะเถียงนะว่าปมเรื่องมันเบาไปหน่อย แถมเดินเรื่องแบบเนิบ ๆ จืด ๆ ชืด ๆ คนที่คาดหวังสูงก็คงจะผิดหวังไปตามระเบียบ แต่จริง ๆ แล้วซีรีส์เรื่องนี้ให้อะไรที่ลึกกว่านั้นมาก เพราะปมการเติบโตของตัวละครแต่ละตัวมันไม่มีใครสวยงามเลยสักคน

ตรงจุดนี้ มันให้ภาพชีวิตจริงของคนวัยหนุ่มสาวที่กว่าจะโต กว่าจะรู้เดียงสา ต่างก็บาดแผลเต็มตัว ชีวิตของแต่ละคนที่ต้องเลือกเดินบนเส้นทางที่ต่างกันออกไป มันต้องเรียนรู้ที่จะเจ็บปวดมาก่อน โดยเฉพาะเอฟเฟกต์ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตัวเองในวันนั้น ทุกทางเลือกมีบางสิ่งที่เราต้องเสีย นั่นคือทางที่เราไม่ได้เลือก ทุกการตัดสินใจมีราคาที่ต้องจ่าย รับผิดชอบกับสิ่งที่เราเลือกโดยไม่โทษคนอื่นไปทั่ว ถ้ามันล้มเหลว มันแตกสลาย จะหนีไปพักใจใช้ชีวิตเฮงซวยตามต้องการแบบที่นางเอกทำก็ได้ (ต้องมีเงินนะถึงจะหายใจทิ้งไปวัน ๆ แบบนั้นได้) แต่สุดท้ายก็ต้องเรียนรู้ที่จะกลับเข้าร่องเข้ารอย ถ้าไม่อยากเป็นคนห่วย ๆ เมื่อบาดแผลมันดีขึ้นแล้ว มีแค่ตัวเราเท่านั้นที่จะทำให้เกิดขึ้นได้

ภาพจาก IG: netflixkr

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดพลาดหรือแหลกสลายไปแล้ว ถ้าเรายังมีลมหายใจอยู่ เราก็ยังสามารถค่อย ๆ จะกอบกู้มันขึ้นมาใหม่ได้ และมีชีวิตรอดเพื่อรอวันเติบโตขึ้นอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องดีเท่าเดิม ไม่จำเป็นต้องดีกว่าเดิม แค่อยู่ในจุดที่ทำให้ตัวเองสบายใจและมีความสุขก็พอ ถ้ามันจะพังเราก็ห้ามมันไม่ได้หรอก แต่ต้องแตกสลายเพื่อเติบโต ชีวิตมันมีอะไรให้ข้ามผ่านมากมายไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นไอดอล เป็นนักศึกษาธรรมดา หรือเป็นเถ้าแก่ร้านอาหารก็ตาม

หรือในแง่มุมของชีวิตไอดอล ซีรีส์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น MV เพลงขนาดยาวที่เล่าเรื่องราวเบื้องหลังของศิลปินที่เชื่อเถอะว่ามีแบบนี้จริง ๆ เบื้องหน้าที่สวยงามและดูประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงบาดแผลของพวกเขา และถ้าสลัดคำว่า “ศิลปิน” หรือ “คนดัง” ออกไป พวกเขาก็เป็นเพียง “มนุษยทั่วไป” ที่มีความต้องการพื้นฐานแบบคนทุกคน ต้องการความรัก ต้องการการยอมรับ อยากมีใครสักคนที่คอยสนับสนุนด้วยความจริงใจ ความสุขที่แท้จริง จริง ๆ แล้วเราก็ต้องการกันแค่เท่านี้แหละ

ภาพจาก IG: netflixkr

สำหรับซีรีส์เรื่อง DOONA! ดูนา ไอดอลสาวข้างบ้าน นี่นะ ในความรู้สึกเรา มันว้าวเกินความคาดหมายเลยล่ะ จากที่ไม่คิดจะเปิดดู แล้วก็อคตินิดหน่อยเพราะมัวเสพรีวิวที่บอกว่าไม่สมกับที่คาดหวังมากเกินไป มันเอื่อยและเนิบไปก็จริง ปมอะไรก็เบาบาง เหมือนเล่าเรื่องเรื่อย ๆ แต่ถ้าอิงตามชีวิตจริง เอาแบบเรียล ๆ ชีวิตคนเรามันก็ผาดโผนอยู่เทือก ๆ นี้แหละ จะหวังปมหวือหวาอะไรขนาดนั้น อีกอย่าง ถ้าตัดประเด็นความรักหรือความหวั่นไหวในหัวใจ อันเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ของพระนางออกไป ซีรีส์เรื่องนี้มันคือซีรีส์วัยรุ่นที่กำลังเติบโตดี ๆ นี่แหละ ที่ให้แง่คิดในเรื่องของการก้าวข้ามซากปรักหักพังในชีวิตของตนเองเพื่อเดินหน้าต่อไปสู่อีกช่วงวัยให้ได้ ความเรียลนี้มีคนอิน!🌱