The First Responders 2 สานต่อภารกิจเสี่ยงตาย สนุกแบบไม่มีแผ่ว

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

สิ้นสุดการรอคอยด้วยระยเวลานาน 8 เดือนเต็ม ใครก็ตามที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่อง The First Responders ในภาคแรก น่าจะได้เริ่มเปิดดูภาคที่ 2 กันไปบ้างแล้ว เราก็เป็นอีกคนที่ติดซีรีส์เรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคก่อน ด้วยความที่มันกลมกล่อมมากทั้งเรื่องของปริศนาการสืบคดีสไตล์สายสืบหมาบ้า ความโบ๊ะบ๊ะขำท้องแข็งก็มี ความฉลาดและการทุ่มเทในหน้าที่การงานของทุกคน การสืบจากศพที่ทั้งผ่าทั้งแหวกกันแบบ uncensor เรื่องของความรักที่พอให้มีลุ้น เรื่องของเคสผู้ประสบภัยที่กลุ่มคนทำงานด่านหน้าต้องเสี่ยงชีวิตกันสุดขีดเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย และในที่สุดคือต้องโยนคนผิดเข้าไปรับโทษในตะรางให้ได้

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

เรื่องย่อของ The First Responders 2 ไม่ต่างจากภาคแรก ซีรีส์สายอาชีพที่นำเสนอเรื่องราวการทำงานของทีมตำรวจ ทีมดับเพลิง ทีมแพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องร่วมกันทำภารกิจกู้ภัยและไขปริศนาของคดีโดยที่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ “เวลา” และยังมีอุปสรรคคือ “ความอันตราย” ที่คนเป็นผู้ช่วยเหลือก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน เรื่องจะพาเราไปเจาะลึกการทำงานในสถานที่เกิดเหตุแบบที่เหมือนว่าเรายืนดูอยู่ตรงนั้นจริง ๆ เดินเรื่องด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินต่างที่เป็นเคสย่อย ๆ ชวนให้ติดตามไปจนจบ

สำหรับอีพีแรกของภาคที่ 2 เปิดเรื่องมาด้วยคดีวางเพลิงต่อเนื่องที่ยังปิดไม่ได้จากภาคที่แล้ว (ที่จริงคือจงใจตัดจบไปแบบนี้มากกว่า) กับซีนสุดท้ายที่หมาจินโดและรถเกลี่ยดินพากันลงไปดับเพลิงอาคารจอดรถผ่านทางหลังคา แต่จู่ ๆ มันก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง กว่าภาค 2 จะเริ่มออนแอร์ มีแต่คนแซวว่าอยู่ในระเบิดนานขนาดนั้นน่าจะไม่เหลือฝุ่นแล้วแน่ ๆ แต่ทั้งคู่ยังรอดชีวิตเพื่อมาสานต่อคดีที่ยังปิดไม่ได้ในภาค 2 ทว่า…ต้องระลึกไว้เสมอนะว่าอาชีพแบบที่ตัวละครทำน่ะ อายุไม่ค่อยยืนนะ เตรียมรับแรงกระแทกไว้ดี ๆ

ไม่มีนักดับเพลิงคนไหนไม่เตรียมใจไว้ก่อนหรอก

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ดูเหมือนว่าภาคนี้จะขยันดึงอารมณ์ดราม่าในความรู้สึกคนดูอยู่มากพอสมครเลยแหละ คือมันมี message แปลก ๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกสังหรณ์ใจบ่อยมากว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ซึ่งถ้าดูไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดพีคในอีพี 3 (ต้องดูแล้วจะรู้) ก็อยากให้ลองย้อนกลับไปดูพวก message ต่าง ๆ ที่ตัวละครสนทนากันในช่วงต้นเรื่อง ก็จะทำให้เข้าใจได้ในที่สุดว่าคนเขียนบทเขาเปรย ๆ มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าพวกตัวละครหลักไม่น่าจะได้อยู่ด้วยกันไปจนถึงจบเรื่อง แล้วมันก็มีการสูญเสียในที่สุด

จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องหรอกที่จะมาเขียนสปอยล์ใส่คอลัมน์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวของซีรีส์มันทำให้ใจคอไม่ดีได้อยู่แล้ว แล้วเรื่องมันก็คงจะไม่สร้างตำนาน (ให้คนดูสาป) ถ้าไม่ฆ่าตัวละครหลักให้ตายไปบ้างเพื่อให้เกิดความสมจริงที่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะบุคลากรด่านหน้าเหล่านี้ทำงานบนความเป็นความตายอยู่แล้ว ทั้งของคนอื่นและของตัวเอง แต่การที่พวกเขาทำอาชีพลักษณะนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองเสี่ยงตายแค่ไหน ทว่าพวกเขาก็ยังคงทำมันอยู่ด้วยใจรักและความเสียสละ งานเสี่ยงตายแบบนี้เนี่ยถ้าใจไม่รักจริง ๆ และไม่มีจิตสาธารณะที่นึกถึงส่วนรวมก่อนส่วนตัว คนเราจะเสี่ยงชีวิตทำไปทำไม ใช่ว่าจะลาออกแล้วหางานอื่นทำไม่ได้ซะเมื่อไหร่กัน

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

และความจริงก็ไม่ใช่แค่นักดับเพลิงหรอกที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน น่าจะคนทุกอาชีพที่ทำงานในลักษณะเสี่ยงตายแบบนี้ การทำงานของคนอื่นอาจจะออกไปทำงานด้วยความสุข ความสนุกสนาน ทำงานเพื่อรอวันเงินเดือนเข้า แต่กับคนเหล่านี้ พวกเขาตระหนักเองในใจเสมอว่าการออกไปทำงานของตัวเองอาจเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เห็นสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ อาจเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้า ได้พูดคุยกับคนที่พวกเขารัก อาจเป็นวันสุดท้ายที่ได้กลับมาบ้าน เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นล่ะก็ พวกเขาจะไม่ได้กลับมาอีกตลอดกาล

มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะที่คนเหล่านี้ต้องมาเตรียมอกเตรียมใจตัวเองทุกครั้งที่จะออกไปปฏิบัติงาน งานความเสี่ยงสูง อาจตายได้ทุกเมื่อที่ออกปฏิบัติงาน แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำแล้วใครจะทำ ถึงอย่างนั้น กลับเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยจะได้รับการปฏิบัติที่ยุติธรรมเท่าไรในสังคม คนทำงานกลุ่มงานเสี่ยงตายแบบนี้ได้รับค่าจ้างที่ไม่สมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยง ยังไม่พอ ดูเหมือนว่าสวัสดิการต่าง ๆ ก็ไม่ครอบคลุม พวกเขาต้องเจอกับเรื่องบ้าบอต่าง ๆ อีกมากมายเวลาที่ออกปฏิบัติงาน บ่อยครั้งที่เสียงของพวกเขาถูกเมิน ทำดีไม่ค่อยจะมีคนเห็น ต้องตายเท่านั้นถึงจะมีคนสนใจ อย่างที่เราเห็นบ่อย ๆ แหละ บางคนทำงานมาทั้งชีวิตยศไม่ขึ้น พอเสียสละตายในหน้าที่ปุ๊บ ยศมาปั๊บ 7-8 ขั้น แล้วยังไง คนตายไปแล้ว

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

และเมื่อพวกเขาตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ สิ่งพวกเขาได้รับมีแค่ธงชาติที่คลุมศพ ค่าชดเชยต่าง ๆ ก็น้อยนิด และไม่นาน ชื่อของพวกเขาก็จะถูกลืม มีแค่เพื่อนร่วมงานที่เคยเสี่ยงตายด้วยกันมาเท่านั้นที่จะยังจดจำพวกเขาตลอดไป ยิ่งถ้าการจากไปของพวกเขาคือเพื่อปกป้องชีวิตคนอื่นด้วยแล้วล่ะก็ เขาจะเป็นวีรบุรุษในความทรงจำไปตลอดกาล (นี่พูดถึงซีรีส์อยู่จริง ๆ นะ)

แล้วคนที่เหลือจะทำยังไงล่ะ ถ้าจากไปแบบนั้นน่ะ

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ความสูญเสีย เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ยิ่งถ้ามันมาเกิดกับเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมานาน หรือหนักสุดคือคนในครอบครัวด้วยแล้วล่ะก็ การจะมูฟออนจากความเจ็บปวดจากความสูญเสียก็ยิ่งเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่คนตายเท่านั้นที่น่าสงสาร แต่คนเป็นที่ต้องอยู่อย่างเจ็บปวดก็น่าสงสารไม่ต่างกัน คนตายไปแล้วทุกอย่างก็คือสิ้นสุด แต่กับคนเป็นที่ยังคงจำทุกเรื่องราวได้ และยังต้องเดินหน้าต่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังการจากไปของคนคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเดินหน้าต่อ คนที่ยังอยู่มีสิ่งที่ต้องจัดการอีกมากหลังการจากไป

อย่างแรกคือการจัดการกับอารมณ์สูญเสียนั่นเอง มันน่าจะมีอะไรที่ผสมปนเปกันไปหมดที่ต้องมารับรู้ข่าวการจากไปแบบกะทันหัน คนที่เขาออกไปทำงานและกลับมาทุกครั้ง ยังคงได้ทำกิจวัตรต่าง ๆ ร่วมกันเป็นปกติ เราก็คงจะหลงลืมไปบ้างนั่นแหละว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันเสี่ยงอันตรายและมันอาจเกิดเรื่องร้ายขึ้นได้เสมอ เคยเห็นเขากลับมาตลอดก็เลยหลงคิดว่าเขาจะกลับมาอย่างปกติ แต่วันดีคืนดีเขาก็ไปแล้วไปเลยไม่กลับมาอีก หรือกลับมาอีกครั้งในสภาพที่ไม่ใช่รูปร่างหน้าตาที่เราคุ้นเคย ในขณะเดียวกัน ข้าวของทุกอย่างที่เป็นหลักฐานว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่จริง ๆ ก็รายล้อมตัวเราเต็มไปหมด เราจะทนเห็นสิ่งเหล่านั้นได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

อย่างต่อมา คือความทรงจำ ยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไร การมูฟออนจากคนที่จากไปก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น เพราะในหัวจะมีแต่ความทรงจำที่เคยมีเขาอยู่ คนที่เคยอยู่บ้านเดียวกันทุกวัน คนที่เคยทำงานอยู่ด้วยกันทุกวันเป็นสิบ ๆ ปี มันมีเรื่องที่พวกเขาต้องพูดคุย ความรู้สึกที่ต้องแชร์ด้วยกันมากมายมหาศาลตั้งขนาดนั้น ให้ก้าวข้ามมันไปภายในวันสองวันก็คงไม่ง่าย ยิ่งเป็นการจากลาที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกลาหรือไม่มีสัญญาณเตือนว่าครั้งสุดท้ายมาถึงแล้วก็ยิ่งเจ็บปวด เราไม่รู้ว่าความสูญเสียจะเกิดขึ้นเมื่อไร เราเลยทำทุกอย่างปกติเพื่อรอการกลับมาของเขา พอเขาไม่กลับมาอีกแล้ว ความทรงจำตอนที่เขายังอยู่ก็ยิ่งทะลักออกมาจนยากที่จะทำใจ

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

และอีกอย่างก็คือ การรับมือกับการที่ไม่มีเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว การต้องเดินหน้าต่อทั้งที่รู้ว่าอะไร ๆ มันไม่เหมือนเดิม เป็นเรื่องที่ยากจะรับมือเอามาก ๆ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ทุกคนในทีมดับเพลิงจะเสียศูนย์กันขนาดนั้น โดยเฉพาะหัวหน้ากับรุ่นน้องที่สนิทด้วยมาก ๆ คนหนึ่งลางานยาว ส่วนอีกคนหนึ่งก็เริ่มเป๋จนเริ่มลังเลที่จะทำงานอยู่หน่วยกู้ภัยต่อ เพราะคิดว่าตัวเองจะรับการสูญเสียอีกไม่ไหวแล้ว ไหนจะความรู้สึกผิดที่มีคนต่อคนที่จากไปด้วย ก็นะ มันต้องใช้เวลาตั้งสติแหละ คนตายไปทั้งคน จะให้กลับไปทำกิจวัตรทุกอย่างแบบที่เคยทำอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ต่างไปตรงที่เขาไม่อยู่แล้ว เป็นใครก็ทำใจลำบาก

คิดว่าฉันรับได้หรือไง อย่างน้อยก็ต้องมีสักคนคุมสติให้อยู่สิวะ

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ในที่สุด คนที่อยู่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ต่อให้ลึก ๆ มันจะเหงาและเศร้าเพราะมีคนให้คิดถึง แต่จะละทิ้งหน้าที่ที่ตัวเองเลือกแล้วก็ไม่ได้ด้วย จริง ๆ ชอบซีรีส์เรื่องนี้ตรงที่ว่าเขาออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวละครทุกคนให้เข้มแข็งและแข็งแกร่งกันหมดเลย ไม่มีใครเปราะบางขัดกับหน้าที่ความรับผิดชอบในสายอาชีพของตัวเอง ที่ทุกคนรู้ดีว่ามันมีความเสี่ยงสูงแค่ไหน (โดยเฉพาะพวกสาว ๆ) เจอเรื่องเลวร้ายกันมาขนาดนั้นแต่ยังยืนกันอยู่ไหวและไม่เสียสติไปซะก่อน แถมยังคัมแบ็กกลับมาทำงานของตัวเองเพื่อจบคดีที่ยังไม่คลี่คลายอย่างมุมานะด้วย ในเมื่อคนที่ตายไปทิ้งปริศนาไว้ให้ตามจับคนร้าย ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่กันต่อเพื่อปิดคดี

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ถึงแม้ว่าทุกคนจะพยายามทำตัวปกติ เหมือนไม่เป็นไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าลึก ๆ แล้วเขาไม่รู้สึก ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เสียใจ แต่ในจุดที่การทำงานมันยังไม่จบ และอาจมีเหยื่อเพิ่มจากคดีต่อเนื่องที่ยังปิดไม่ได้ มันจำเป็นที่จะต้องมีใครสักคนที่ต้องมีสติให้เร็ว ควบคุมจิตใจที่แตกสลายให้อยู่ และเป็นหลักให้คนอื่นได้ยึดเหนี่ยวในช่วงเวลาที่ยากเย็นแบบนี้ด้วย จริง ๆ นี่มองว่างานสายตาของ คิมแรวอน คือชัดมาก ในการแสดงออกที่ทำให้ตัวละครจินโฮแกยังคงเป็นหมาบ้าเลือดที่กัดไม่ปล่อยจนกว่าจะจับัวคนร้ายได้ แต่ก็เก็บความเศร้าจากการสูญเสียไว้ไม่มิดเหมือนกัน และเขาก็พยายามเรียกสติคู่หูของเขาให้แยกเรื่องงานกับอารมณ์ โดยเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาว่าเขาก็เจ็บปวด

ภาพจาก FB: SBS DRAMA

ไม่ว่าจะงานตำรวจสืบสวน หน่วยดับเพลิง หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หรือว่างานพิสูจน์หลักฐาน พวกเขาพบเจอคนตายจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่มันไม่ง่ายหรอกที่ต้องยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองตาย ทว่าการทำงานยังคงต้องเดินหน้าต่อไป และชีวิตของทุกคนยังต้องไปต่อ ยังต้องเดินหน้าช่วยเหลือคนธรรมดาที่อาจจะกลายเป็นเหยื่อเข้าในสักวัน พวกเขาจึงต้องรีบกุมสติตัวเองให้มั่นคงแล้วเดินหน้าต่อไป แม้ว่าสิ่งที่แปลกออกไป คือเรื่องของคนคนหนึ่งที่ติดอยู่ในใจให้ได้คิดถึงอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่เมื่อก่อนได้เจอหน้าค่าตากันทุกวัน ไม่ต้องหวังพึ่งความทรงจำ

การจากไปของตัวละครสำคัญในเรื่อง The First Responders 2 อาจไม่ใช่เรื่องที่คาดเดาไม่ได้ (แต่ก็ไม่คิดว่าจะรีบฆ่าแกงกันเร็วขนาดนี้) เพราะในความเป็นจริง การทำงานอาชีพเสี่ยงตายแบบนี้สามารถเกิดเหตุการณ์สูญเสียได้ทุกเมื่อ คนดูหลายคนอาจรับไม่ได้ที่คนเขียนบทใจร้ายรีบเก็บตัวละครนี้ไว้ในสุสานใช่ไหมล่ะ แต่บอกเลยว่าความสนุกของเรื่องยังคงไม่แผ่วเหมือนเดิม อีกทั้งยังมีการปรากฏตัวของตัวละครตัวใหม่ที่บ้าดีเดือดมาก ๆ แถมยังมีสกิลปากแจ๋วสุด ๆ พวกเขายังต้องทำงานร่วมกัน (แบบหยุมหัวกัน) ต่อไป เพื่อรักษาความสงบสุขให้กับสังคม ทว่าคนอื่น ๆ ในทีมคงได้ตื่นเต้นมากแน่ ๆ เพราะตั้งแต่เรื่องนี้มีหมาโด 2 ตัวก็ฟาดกันฮามาก และก็ทำหน้าที่กันสุดมากเช่นกัน 🤝