The Glory 2 การแก้แค้นมันหอมหวาน ไปลงนรกกันเถอะ!

ภาพจาก IG: netflixkr

ถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอย part ที่ 2 กันอีกหนึ่งเรื่อง หลังจากที่คอซีรีส์ใช้เวลารอคอย The Glory 2 มานานเกือบ 3 เดือน หลังจากปล่อยสตรีม The Glory ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งยังคงมีอิทธิพลบนโลกออนไลน์มาตลอด และใน part นี้ก็จะยังคงกระแสร้อนแรงสุดทางแบบต่อเนื่อง กลับมาสานต่อเรื่องราวการแก้แค้นอย่างมีชั้นเชิง เพื่อปิดบัญชีแค้น 18 อย่างสมบูรณ์ โดยความปังของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การได้นางเอกตัวแม่ตัวมัมของวงการบันเทิงเกาหลีอย่าง ซงฮเยคโย มารับบทนำ แต่มันเผ็ดระดับเต็ม 10 ไม่หักเพราะเนื้อเรื่อง และนักแสดงคนอื่น ๆ ก็แสดงดีจนอยากจะมุดจอเข้าไปร่วมหยุมหัวซะเหลือเกิน การตัดจบ part ที่แล้วมีส่วนทำให้คนรอคอยการกลับมาเดินเกมแก้แค้นสุดเข้มข้น

ภาพจาก IG: netflixkr

The Glory 2 เป็นเรื่องราวการแก้แค้นที่ยังไม่จบของหญิงสาวคนหนึ่ง ตลอดระยะเวลา 18 ปี เธอมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันแก้แค้น ความแค้นของเธอเกิดขึ้นในวัยม.ปลาย ที่เธอโดนเพื่อนร่วมห้อง 5 คนทั้งชาย-หญิงรุมบูลลี่อย่างโหดร้ายทารุณโดยที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย ทั้งครูและตำรวจต่างก็เข้าข้างคนผิด เพราะตัวหัวโจกของแก๊งเด็กเปรตนี้มาจากครอบครัวร่ำรวยและมีอิทธิพล จะหวังพึ่งครอบครัวก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะแม่ของเธอก็หน้าเงินขนาดขายลูกสาวกิน รับเงินปิดปากและทิ้งให้ลูกสาววัยเพียง 18 ปีต้องโดดเดี่ยวสิ้นหวังอยู่คนเดียวในสภาพที่ไม่เหลืออะไรเลย ที่ซุกหัวนอน การศึกษา ความฝัน อนาคต และชีวิตธรรมดา ๆ ถูกทำลายจนหมดสิ้น

ภาพจาก IG: netflixkr

ชีวิตของมุนดงอึนที่แตกสลายและถูกทำลายจนไร้เกียรติยศ ไร้ความหวัง ไร้ศักดิ์ศรีจนเกือบฆ่าตัวตาย กระทั่งเธอมีเป้าหมายใหม่ในชีวิต เป้าหมายที่ไม่มีความเมตตา ไม่มีการให้อภัย ความฝันของเธอคือการ “แก้แค้น” มันหล่อเลี้ยงให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อจนเวลาผ่านไป 18 ปี บัดนี้เธอกระเสือกกระสนต่อสู้จนตัวเองมีได้แทบทุกอย่าง แต่ก็เป็นชีวิตที่ยังจมกับการตายทั้งเป็น วันนี้เธอกลับมาเปิดเกมแก้แค้น ดับเครื่องชนทุกภารกิจอย่างไม่หวั่นกลัว เพราะเธอวางแผนมาดี เธอจะเอาคืนพวกมันเรียงตัว สำหรับจุดจบคนพวกนี้ เธออนุญาตแค่ “การตกนรกไปเจอความฉิบหาย” เท่านั้น

ระหว่างมาที่นี่วันนี้ ฉันหันหลังกลับเป็นร้อยครั้ง แต่ฉันก็มาที่นี่อีกจนได้

ก่อนอื่นเลยนะ ตลอด 16ep รวม part1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่อยากจะทำมากที่สุดคือคารวะ คุณคิมอึนซุก คนเขียนบทของเรื่องนี้ และชื่นชมนักแสดงทุกคนไม่ว่าจะบทนำหรือบทสมทบ มันเป็นผลงานซีรีส์แนวแก้แค้นที่ออกมาประทับใจมาก สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือการเขียนบทให้นางเอกดำเนินการแก้แค้นได้แบบที่มือไม่เปื้อนเลือดพวกแก๊งคนเปรตนั่นเลยแม้แต่หยดเดียว และไม่ต้องเปลืองตัว เองตัวเองเข้าไปเกลือกกลั้วในความสัมพันธ์กลวง ๆ ที่สุดแสนจะเน่าเฟะของคนพวกนั้นด้วย จำได้ว่าเหมือนจะเคยเขียนไว้ในคอลัมน์ไหนสักที่ว่าไม่ชอบซีรีส์แนวแก้แค้นที่ตัวเอกต้องยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่แก้แค้นมาก เบื่อ มันเดิม ๆ หลัง ๆ เทไปหลายเรื่อง ชอบแบบนี้มากกว่า มันดูมีชั้นเชิงดี

กว่าจะได้เปิดซีรีส์เรื่องนี้ใน part2 ดูจริง ๆ จัง ๆ มันเกิดขึ้นหลังจากที่ Netflix ปล่อยสตรีมมาแล้วประมาณ 3 วัน พูดง่าย ๆ ก็คือหลายคนดูจบแล้ว มีสปอยล์เต็มบ้างย่อบ้างอยู่เกลื่อนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไอจี ซีรีส์เรื่องนี้ถูกพูดถึงอยู่ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม แต่ก็ไม่ว่ากัน เรื่องมันสตรีมจบแล้วและเขาก็ดูจบแล้ว ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงเต็มที่ถ้าเขาชอบ แต่เอาเข้าจริงนี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านสปอยล์ก่อนด้วยซ้ำ ไม่เคยหลบเลี่ยงหนีสปอยล์ เลื่อนผ่านก็อ่านอย่างตั้งใจ ไม่ได้รู้สึกว่ามันทำให้สิ่งที่กำลังจะดูสนุกน้อยลงแต่อย่างใด

ภาพจาก IG: netflixkr

สิ่งที่เจอตามโพสต์ต่าง ๆ นอกจากสปอยล์เรื่องแล้ว ก็จะเจอโพสต์ที่เขียนอวยยศคนเขียนบทว่าเขียนได้ดี เก็บรายละเอียดได้ยอดเยี่ยม มีคนพยายามตั้งข้อสังเกตถึงสัญญะต่าง ๆ ในเรื่องมากมาย หรือพฤติกรรมที่ตัวละครแสดงออกมา คนดูก็ดูได้ละเอียดยิบ ตีความหมายนู่นนั่นนี่ไปตามจินตนาการและความคิดเห็นของตัวเอง พร้อมทั้งชื่นชมคนเขียนบทว่าทำการบ้านมาดีมาก เรื่องมันถึงออกมาดีขนาดนี้ หลังจากดูจบ เห็นด้วยกับโพสต์เหล่านั้นนะว่าคนเขียนบทเก็บรายละเอียดทุกอย่างดีมาก มันไม่เหลือข้อกังขาอะไรเลยหลังจากดูจบ ทุกอย่างที่เธอใส่มาทั้ง 2 part มันเอามาร้อยเรียงให้เป็นเหตุเป็นผลสนับสนุนกันได้หมด มีความสมจริงในฐานะบทละครเรื่องหนึ่งอย่างสมบูรณ์

สิ่งที่ชอบและประทับใจมากที่สุด คือบทที่เปิดให้ตัวละคนหลักสองคนมานั่งเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกใน part2 ช่วงประมาณนาทีที่ 17 เป็นต้นไปของ ep9 การเจอหน้ากันครั้งแรกของมุนดงอึนและพัคยอนจิน หลังจากที่ยอนจินรู้ว่าดงอึนกบดานตามสืบเรื่องตัวเองจากที่ไหน และตัดจบ part แรกไปตอนที่ยอนจินบุกไปบ้านดงอึน จากนั้นก็บังเอิญเจอสามีตัวเองที่ตามมาด้วยเช่นกัน คนเขียนบทเลือกที่จะให้การเจอหน้ากันครั้งแรกของทั้งคู่ (เปิด part2) คือการที่ดงอึนหยิบยื่น “โอกาสสุดท้าย” ให้ยอนจินได้สำนึกผิดในทุกสิ่งอย่างที่เคยทำไว้กับเธอ อย่างไรก็ตาม โอกาสสุดท้ายที่ดงอึนมอบให้ยอนจิน เป็นผลพวงมาจากการให้เกียรติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามีของยอนจินไม่ละเลยที่จะปฏิบัติต่อเธอ

ภาพจาก IG: netflixkr

ส่วนตัวมองว่ามันเป็นฉากนี้เป็นฉากหนึ่งที่โคตรจะทรงพลัง การเปิด part2 ที่ให้ตัวละครเป็นปฏิปักษ์กันมาเจอกันแล้วสาดบทสนทนาใส่หน้ากัน การแสดงสีหน้าและภาษากาย รวมถึงการระเบิดอารมณ์ใส่กัน มันเป็นฉากที่ย้ำชัดลงไปอีกว่าจุดจบของคนอย่างพัคยอนจินจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ความฉิบหาย” และ “การตกนรกบนดิน” เพราะตัวต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมดทั้งมวลอย่างยอนจินไม่เคยรู้ว่าการกระทำของตัวเองมันเลวทรามต่ำช้าอย่างไร ไม่เคยสำนึกหรือรู้สึกผิดที่ทำลายชีวิตคนอื่น ๆ ไปมากมายแม้แต่อึดใจเดียว ยอนจินยังคงเป็นคนเดิมที่ทะนงตัว จองหอง ชั่วร้าย อวดดีว่ากุมอำนาจไว้ในมือ และจะเอาตัวรอดไปแบบนี้ได้เสมอ ฆ่าคนตายทั้งเป็นก็ใช้ชีวิตชิล ๆ ได้เหมือนเดิม

คำพูดที่ยอนจินพูดตอกหน้าดงอึน เป็นตัวเปิดเกมการแก้แค้นแบบที่จะไม่มีวันใจดีหันหลังกลับมาให้โอกาสอีกแล้วของดงอึน ยอนจินเป็นคนปฏิเสธโอกาสนั้น และยังคงเชิดหน้าชูคอว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด เพราะฉะนั้น คนอย่างยอนจินจะต้องถูกพิพากษาและโดนลงโทษอย่างสาสมเท่านั้น จากบทสนทนา เราจะรู้สึกได้ว่าดงอึนแอบรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ “ลังเล” เรื่องการให้โอกาสยอนจิน เพราะตัวดงอึนเป็นคนย้ำขึ้นมาเองว่าเธอพยายามคิดถี่ถ้วนแล้วก่อนที่จะมายอนจินในฉากนี้ มันยิ่งย้ำชัดว่าคนอย่างยอนจินไม่เคยสนโอกาสใด ๆ อยู่แล้ว เพราะเธอเชื่อตลอดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด

ภาพจาก IG: netflixkr

ในฉากนี้ อยากจะปรบมือให้กับคำพูดที่ว่า “ระหว่างมาที่นี่วันนี้ ฉันหันหลังกลับเป็นร้อยครั้ง แต่ฉันก็มาที่นี่อีกจนได้ เหตุผลที่ฉันมาที่นี่วันนี้ เพราะฉันอยากให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย โอกาสนั้นได้มาเพราะมารยาทของใครบางคนที่ทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้านฉัน” จะเห็นว่ามันคือบทสนทนาที่คนเขียนบทเรียบเรียงออกมาอย่างประณีตและเชือดเฉือนอารมณ์ คนแปลซับไทยก็ถ่อยทอดอารมณ์ผ่านตัวหนังสือได้ดีมาก ที่ทำให้คำธรรมดา ๆ ดูทรงพลังขนาดนี้ ในเมื่อหล่อนยังอวดดีปฏิเสธโอกาสสุดท้ายนี้อย่างไม่ไยดี ที่สุดท้ายของหล่อนก็ต้องเป็นนรกเท่านั้นแหละพัคยอนจิน!

เธอเคยบอกเองนี่ ว่าครอบครัวเป็นผู้กระทำที่ร้ายแรงที่สุด

เป็นอีกฉากที่โคตรจะสะใจ เมื่อโลกทั้งใบของยอนจินพังทลายลงเพียงเสี้ยววินาที ไปกับช่วงเวลาที่ได้รับรู้ว่า “แม่” ของตัวเองเลือกที่จะขายลูกและเอาตัวรอดเพียงลำพัง มันเหมือนกับภาพเดจาวูที่ฉายซ้ำไปใน part แรก ep แรก ที่แม่ของดงอึนก็ขายลูกสาวตัวเองกินเพื่อยอมประนีประนอมเรื่องที่ลูกสาวของตัวเองถูกกลั่นแกล้งอาการปางตายแบบนั้น จริง ๆ แอบสังเกตเห็น mood & tone ของทั้ง 2 ฉากที่นำมาเปรียบเทียบกันนี้ด้วยนะ ใน ep แรก แม่ดงอึนและแม่ยอนจินเจรจากันในห้องมืด ๆ การใช้แสงสีมีความอึมครึมมืดมน เหมือนมันชัดอยู่ในตัวเองอยู๋แล้ว เพราะชีวิตของดงอึนก็มืดมน ไร้ซึ่งความหวังใด ๆ มาตลอด เธอไม่เคยได้รับแสงสว่างที่เหมาะสมจากครอบครัว

ภาพจาก IG: netflixkr

ในทางตรงกันข้าม ep15 ที่แม่ของยอนจินเจรจากับดงอึน และตัดสินใจที่จะทอดทิ้งลูกเพื่อเอาตัวรอด ทั้งสามคนอยู่ในห้องอาหารที่มีไฟสว่าง แต่ไฟก็ถูกควบคุมไม่ให้สว่างจ้า ดงอึนคืนของชิ้นหนึ่งให้กับยอนจิน ของที่เพิ่งได้รับมาจากแม่ของยอนจินเองที่ยังคงเก็บไว้เพื่อประโยชน์บางอย่าง ทั้งที่ควรจะทำลายทิ้งไปนานแล้วเพื่อปกป้องลูกสาว มันทำให้โลกของยอนจินที่เคยเรียกแม่มาช่วยเก็บกวาดให้ทุกครั้งหลังก่อเรื่องสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี เธอร้องไห้ กรีดร้อง และทรุดลงต่อหน้าแม่ตัวเอง โลกของเธอคงค่อย ๆ ดับลงเพราะกับมวลน้ำตาที่เอ่อออกมาหลังจากที่รู้ว่าตัวเอง “ถูกทอดทิ้งได้แค่ไหน”

โลกของยอนจินเคยสว่างไสวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะทำชั่วช้าสามานย์แค่ไหนก็เรียกแม่มาเคลียร์ทางได้ตลอด ในความรู้สึกของเธอ เธอคงเข้าใจว่าเป็นพฤติกรรมที่แม่พยายามจะปกป้องเธอให้ลอยตัวเหนือปัญหาทุกอย่าง แต่เธอเข้าใจผิด การปกป้องลูกของแม่ยอนจิน ทำไปเพราะกลัวว่าสุดท้ายตัวเองจะเดือดร้อนไปด้วยต่างหาก มันผิดตั้งแต่การที่แม่ไม่เคยอบรมสั่งสอนลูกให้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด พอลูกทำผิดก็ปกป้องลูกแบบผิด ๆ ลามไปถึงการทำให้ลูกเข้าใจผิดว่าแม่รักและปกป้อง ทั้งที่ความจริงแล้ว แม่ก็แค่รักตัวเอง ปกป้องปกปิดความผิดลูกก็เพื่อไม่ให้เรื่องลามมาหาตัวเอง

ภาพจาก IG: netflixkr

เราจะไม่เคยเห็นว่าแม่ลูกคู่นี้แสดงความรักฉันแม่ลูกแบบที่คนรักลูกหรือคนรักแม่เขาทำกัน แต่มักจะเป็นการขอให้ช่วยเหลืออะไรสักอย่างตลอด ดังนั้น มันก็คงไม่แปลกที่ยอนจินจะเข้าใจว่าสิ่งที่แม่ทำ ทำไปเพราะรัก โลกทั้งใบที่มีแม่คอยเก็บกวาดให้มาตลอดทั้งแต่ช่วงวัยรุ่นยันโต ถูกดงอึนยั่วยุด้วยด้านมืดที่มีอยู่แล้วจนถูกทำลายลง เมื่อแม่ซึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ยอนจินถึงกับพังทลายเหมือนคนเสียสติไปเลย เธอคงได้ลิ้มรสชาติของคำว่า “ครอบครัวเป็นผู้กระทำที่ร้ายแรงที่สุด” ที่เธอเคยพูดใส่หน้าดงอึนเข้าแล้ว

นอกจากสองแม่ลูกคู่นี้ จะเห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้เน้นนำเสนอไปที่ตัวแม่ตัวมารดามากมายหลายคู่เหลือเกิน (ความรักของพ่อก็นำเสนอแต่ไม่ได้เน้นเท่าไร) ซึ่งนอกจากแม่ที่รักตัวเองมากกว่าลูกอย่างแม่ของดงอึนและแม่ของยอนจิน รวมถึงตัวยอนจินเองที่เป็นแม่คนแล้ว แม่คนอื่น ๆ ล้วนเป็นแม่ประเภทที่เลือกที่จะตกนรกเพื่อช่วยลูกของตัวเองทั้งนั้น แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดงอึนไม่เคยได้รับเลยจากแม่ของตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่านี่ต่างหากคือการกระทำของคนที่จะเรียกตัวเองเป็นแม่ได้เต็มปาก และเธอก็พยายามที่จะสนับสนุนให้แม่ ๆ เหล่านั้นได้ปกป้องลูกตัวเองอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นนรกก็ตาม

ภาพจาก IG: netflixkr

สิ่งที่ดงอึนรู้สึกสะใจมากที่สุด อาจจะไม่ใช่การเห็นว่ายอนจินรับโทษทางกฎหมายต่อเรื่องเลวร้ายที่ทำทั้งหมด เพราะการแก้แค้นของดงอึนมันไปไกลกว่านั้นมานานแล้ว แต่สิ่งที่ดงอึนอยากเห็นมากที่สุดคือการที่ยอนจินได้รับโทษทางจิตใจของตัวเอง ความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้งอย่างโดดเดี่ยว หันไปทางไหนก็ไม่เห็นใครที่พึ่งได้สักคน ไม่มีใครรัก โดยเฉพาะครอบครัว ทั้งแม่ ลูกสาว และสามี เมื่อเห็นว่าสุดท้ายแล้วยอนจินก็ยืนอยู่บนซากปรักหักพังอย่างโดดเดี่ยว ปราศจาก “ผนัง” ที่เคยสวยงาม ยอนจินต้องได้ลิ้มรสความเปล่าเปลี่ยวบนโลกที่มืดมิด

ฉันเคยเป็นเด็กแบบไหนกันนะ ฉันจำไม่ได้ค่ะ

อย่างที่คนดูอย่างเรารับรู้จากซีรีส์เรื่องนี้ ว่าช่วงชีวิตที่ควรจะได้ผลิบานอย่างสวยงามของดงอึนถูกทำลายลงจากแก๊งเด็กเปรตจอมบูลลี่ ไม่เพียงแต่การโดนทำร้ายร่างกายและทำลายอนาคตจนป่นปี้ แต่ที่แย่ที่สุดคือเธอถูกทอดทิ้งให้ต้องมีชีวิตดิ้นรนเพียงลำพัง แม่ที่ขายลูกและหนีจากลูกไป ครูประจำชั้นที่เมินเฉยต่อเหตุความรุนแรงในโรงเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไม่ (กล้า) เข้ามาช่วยเหลือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ซื้อได้ด้วยเงินและอยู่ใต้อำนาจของอิทธิพลมืด เธอไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครเลย และต้องกระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตรอดด้วยตัวเองมาตลอด 18 ปี จนเธอต้องกลายมาเป็นนังงูพิษที่ไล่พ่นพิษใส่ทุกคนด้วยตัวเองในที่สุด

ภาพจาก IG: netflixkr

มันเป็นเรื่องที่สาหัสมากนะสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีตัวคนเดียว แม้ว่าในที่สุดเธอจะได้รับรู้ความรู้สึกว่าการมีคนดี ๆ อยู่รอบตัวมันเป็นอย่างไร แต่มันก็ออกจะสายเกินไปหน่อยหลังจากที่พยายามจะมีชีวิตอยู่อย่างทุลักทุเลมาตลอด 18 ปี ถึงขั้นที่ตั้งเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ก็เพื่อรอวันแก้แค้นเท่านั้น เธอหมดสิ้นความภาคภูมิใจทุกสิ่งอย่าง ชีวิตที่มีอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น และจริง ๆ เธอควรจะต้องตายไปแล้วในวันที่เธอเดินลงไปในแม่น้ำฮัน หลังจากที่คิดคำนวณว่านั่นเป็นการจบปัญหาที่ใช้เวลาสั้นที่สุด แค่ 20 นาทีเท่านั้นเดี๋ยวทุกอย่างก็จบแล้ว แต่นั่นแหละ เธอจะตายไปเพื่ออะไร คนพวกนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว! เธอจึงยังมีชีวิตอยู่เป็นผู้ใหญ่ที่รู้ตัวเองตลอดว่า “ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ”

มาในตอนที่ทุกอย่างจบลง ทุกคนได้รับผลของการกระทำที่ผ่านมาโดยที่มือเธอไม่เปื้อนเลือดเลยสักหยด เธอแค่เปิดฉาก และใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กลวง ๆ ที่โยงใยกันมั่วไปหมด และปล่อยให้คนพวกนั้นทำลายกันเอง แต่เธอก็ยังคงรู้ดีตัวเองดีว่าเธอไม่ใช่คนดี ในเรื่องที่ยืมมือคนอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์ แม้กระทั่งเด็กน้อยลูกสาวของยอนจินด้วย เธอเองก็รู้สึกผิดที่ต้องใช้ประโยชน์จากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเพื่อทำลายยอนจิน อย่างเด็กน้อย เธอก็ตั้งใจที่จะขอโทษไปตลอดชีวิตด้วยซ้ำ ถ้าเด็กน้อยต้องการ เธอจำไม่ได้แล้วว่าความสุขและความสดใสแบบที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะได้รับมันเป็นอย่างไร และจำไม่ได้ด้วยว่าเธอก็เคยมีวัยเด็กที่สดใสและสว่างโชติช่วงเหมือนกัน

ภาพจาก IG: netflixkr

ยังถือว่าโชคดีนะ ที่ในที่สุดเธอก็ยังได้รู้สึกถึงความรู้สึกที่มีผู้ใหญ่ที่ดีที่อยู่รอบตัว เพื่อน อากาศ รวมถึงการแทรกแซงจากพระเจ้า (ที่เธอเคยกล่าวโทษว่าพระเจ้าไม่เคยอยู่ข้างเธอเลยใน part แรก) เพียงแต่เธอแค่ยังไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก และเธอยังคงคิดว่าเธอจะจบทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว หลังจากที่บรรลุเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่มาตลอด 18 ปีแล้ว เธอได้ทวงคืนเกียรติยศและชื่อเสียงของตัวเองกลับคืนมาจากการแก้แค้นทุกคน แต่เธอก็ไม่อาจจะมีชีวิตที่มีความสุขได้เหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเธอมีเป้าหมายใหม่ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ มันจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เธอได้ปรับตัวให้คุ้นชินกับความรักรอบตัวได้มากขึ้นในอนาคตและตลอดไป

นับว่าเป็นการปิดบัญชีแค้นที่ยาวนาน ทั้งตัวละครในเรื่อง และคนดูที่อดทนรออย่างกระวนกระวายมาประมาณ 3 เดือนที่ทิ้งห่างจาก part แรก ต้องบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้กระแสแรงมากชนิดที่เห็นคนโพสต์หา part 2 เร็ว ๆ อยู่ตลอดว่าเมื่อไรจะถึงวันปล่อยสตรีมเสียที วันกำหนดปล่อยยังแอบเห็นโพสต์คนมานับถอยหลังเหมือนกันว่าอีก 1 ชั่วโมงจะได้ดูแล้วอะไรเทือก ๆ นี้ ซึ่งหลังจากดูจบ มันก็สนุกสมมงจริง ๆ เรื่องราวการแก้แค้นที่อาจจะไม่ได้หวือหวา และมันก็ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเดาทางยากอะไรด้วย แต่มันเห็นถึงการใช้ชั้นเชิงด้วยจิตวิทยาและการปั่นประสาทให้คนสนิทตีกันเอง ใช้ประโยชน์จากช่องว่างในความสัมพันธ์ แถมยังได้ข้อคิดจึ้ง ๆ ผ่านการประมวลผลหลังดูจบด้วย 🐍