
กระแสความนิยมในตัว โดนัลด์ ทรัมป์ ดูจะดำดิ่งจนแทบกู่ไม่กลับเสียแล้ว หลังจากเมื่อเดือนก่อน ผลการสำรวจความนิยมของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพิ่งแตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ไปหมาดๆ เมื่อเทียบกับผู้นำสหรัฐฯ คนอื่นๆ ที่เข้ารับตำแหน่งในสมัยแรก
ล่าสุด ผลโพลที่จัดทำโดย Rasmussen Reports ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสำนักโพลที่เชื่อถือได้มากที่สุด ก็ออกมาระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ วัย 71 ปี มีคะแนนนิยมต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรก ซึ่งลดลงจากเมื่อครั้งรับตำแหน่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึง 23 จุดเลยทีเดียว
ขณะที่ผลโพลซึ่งจัดทำโดยความร่วมมือของ 2 สำนักข่าวดัง ABC News/Washington Post ก็ไม่ต่างกันมากนัก เมื่อทรัมป์ได้คะแนนนิยมเพียง 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นคะแนนนิยมที่ต่ำที่สุดของผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบ 70 ปี!
ส่วนโพลของ Nation Tracker ที่สอบถามความเห็นของประชาชนชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เกี่ยวกับการเข้ามาทำงานของทรัมป์ในช่วงครึ่งปีแรก พบว่ามีถึง 52 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าทรัมป์เข้ามาสร้างความยุ่งเหยิงให้กับประเทศ โดยมีแค่ 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คิดว่าเขาบริหารประเทศได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับโพลของ Morning Consult/Politico ที่คนอเมริกันมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ มองว่าผู้นำประเทศคนปัจจุบันกำลังทำให้สหรัฐฯปั่นป่วนอย่างมาก
และที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น คือ เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชต่างเห็นตรงกันว่า ทรัมป์มีอาการ “ป่วยทางจิตในระดับที่เป็นอันตราย” และไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการบริหารประเทศ ซึ่งในการประชุมของกลุ่มจิตแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยเยล ถึงกับระบุว่าควรมีการเตือนให้สาธารณชนได้รับทราบถึงอาการป่วยทางจิตของผู้นำรายนี้ ที่มีทั้งความหลงตัวเอง และความหวาดระแวง
ดอกเตอร์จอห์น การ์ตเนอร์ นักจิตบำบัด ผู้เคยให้คำปรึกษาด้านจิตเวชที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ จอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุในที่ประชุมดังกล่าวว่า สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการเป็นคนขี้โกหกคือคนที่หลงตัวเอง แถมผู้นำรายนี้ยังเป็นคนที่หวาดระแวง หลงผิดทางความคิด และมองว่าตัวเองยิ่งใหญ่ตั้งแต่วันแรกที่ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีด้วย
นอกจากนี้ ดอกเตอร์การ์ตเนอร์ยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อผู้สนับสนุนผ่านเว็บไซต์ change.org ในหัวข้อร้องเรียนที่ว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตยืนยันว่าทรัมป์ป่วยทางจิต และจำเป็นต้องถอดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี” ด้วย ซึ่งล่าสุด มีผู้เข้าร่วมลงชื่อสนับสนุนมากเกือบ 60,000 คนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นิตยสาร “นิวส์วีก” วิเคราะห์ว่า โอกาสหรือความเป็นไปได้ในการถอดถอนทรัมป์มีค่อนข้างน้อย เพราะพรรครีพับลิกันของเขาครองเสียงข้างมากทั้งสภาสูงและสภาล่าง อีกทั้งการถอดถอนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับเสียงจากสภาสูงหรือสมาชิกวุฒิสภา มากถึง 2 ใน 3 เท่านั้น
นั่นหมายความว่า แม้ทรัมป์จะไม่เป็นที่ต้องการของประชาชนชาวอเมริกัน แต่หากพรรคของเขายังคงหนุนหลังอยู่ การนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีให้ครบวาระ 4 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่อย่างใด