“อินทรีเหล็ก” ไม่ใช่ม้านอกสายตา

ศึกฟุตบอลโลก 2022 เที่ยวนี้ อดีตแชมป์ 4 สมัยอย่างเยอรมนี (1954, 1974, 1990, 2014) ถูกวางไว้เพียงเต็ง 6 ของรายการอย่างน่าแปลกใจ (รองจาก บราซิล, ฝรั่งเศส, อาร์เจนติน่า, อังกฤษ, สเปน) อาจเป็นด้วยความล้มเหลวอย่างหมดรูปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือการถูกจับสลากอยู่กลุ่มเดียวกับ “กระทิงดุ” ในรอบแรก เลยทำให้พวกเขาถูกมองว่ามีโอกาสน้อยกว่าสเปน เสียด้วยซ้ำในการคว้าถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพหนนี้

มองอีกมุมก็เป็นเรื่องดีของ ฮันซี่ ฟลิค หัวหน้าโค้ช “อินทรีเหล็ก” ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษเลยก็ว่าได้ที่ทีมจากเมืองเบียร์ได้ออกสตาร์ท แบบไม่ถูกกดดันในฐานะเต็งจ๋า

งานนี้นับเป็นการออกสตาร์ททัวร์นาเมนต์สำคัญในฐานะนายใหญ่ของ ฟลิค เป็นครั้งแรกนับจากรับตำแหน่งเป็นทีมเชฟตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แต่แน่นอนเขาไม่ใช่กุนซืออ่อนประสบการณ์ในบอลโลก เพราะเดินตาม โยอาคิม เลิฟ มาตั้งแต่ปี 2006-14 รวมทั้งเป็นหนึ่งในสตาฟโค้ชชุดฉลองชัยฟีฟ่าเวิล์ดคัพที่บราซิลหนล่าสุดด้วย

ผลงาน ฟลิค ตั้งแต่เป็น “ทีมเชฟ” เมื่อปีที่แล้ว ปรากฏว่าอดีตนักเตะบาเยิร์น และโคโลญจน์ ในยุค 80-90 ผู้นี้ นำทัพได้ไม่เลวเลย ผลงาน 15 นัด ชนะ 9 เสมอ 5 แพ้ 1

ถ้าย้อนกลับไปในฐานะอดีตนายใหญ่ของ “เสือใต้” ฟลิค เคยพาทีมประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 2020 กระชากเทรเบิลแชมป์มาครอบครอง รวมทั้งฟุตบอลสโมสรโลก นั่นเป็นเครื่องการันตีฝีไม้ลายมือของยอดโค้ชผู้นี้แล้วว่าไม่ธรรมดา

จากการทำงานที่ผ่านมาทำให้เขาคือผู้คลุกคลีกับนักบอลเยอรมันชุดนี้เป็นอย่างดีที่สุด ซึ่งต้องบอกว่าเป็นขุนพลที่ไม่ขี้เหร่เลย แถมแต่ละตำแหน่งมีตัวเลือกทดแทนอย่างเหลือเฟือ ไล่มาตั้งแต่ผู้รักษาประตู มานูเอล นอยเออร์ กับ มาร์ค อังเดร แทร์สเตอร์เก้น แบ็ค ธิโล เคห์เรอร์, ดาวิด รอม, โรบิน โกเซ่น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ นิคลาส ซือเล่, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค และแม็ตส์ ฮุมเมิ่ล

มิดฟิลด์คู่กลาง โจชัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน หรือลีออน โกเร็ตส์ก้า จอมทัพมีให้เลือก จามาล มูเซียล่า, โธมัส มุลเล่อร์ หรือยูเลี่ยน บรันด์ส ตัวรุกทางริมเส้น แซร์จ นาบรี้, เลรอย ซาเน่, คาริม อเดเยมี่ และมาร์โก้ รอยส์ ศูนย์หน้า ติโม แวร์เนอร์ หรือไค ฮาร์แวร์ทซ์

ถือเป็นทีมที่คับคั่งไปด้วยนักเตะคุณภาพจริง ๆ ปัญหาคือเยอรมนี นั้นอยู่ในสายอี ร่วมกับสเปน, ญี่ปุ่น และ คอสตาริกา ต้องพยายามเข้ารอบไม่พอ แต่ควรเป็นที่หนึ่งในสาย ไม่งั้นรอบสองมีโอกาสจ๊ะกับกระดูกขัดมันอย่าง เบลเยียม ซึ่งอยู่ร่วมกลุ่มกับ โครเอเชีย, โมร็อคโก และแคนาดา

ถึงแม้จะเจอคู่แข่งที่ค่อนข้างหนักในรอบแรก แต่ยังไม่อยากให้มองข้ามทีมที่มักจะเล่นบอลทัวร์นาเมนต์ได้ดี เพราะมีจิตใจและทีมเวิร์กที่แข็งแกร่งเสมอ โดยเฉพาะฟุตบอลโลกหนนี้ ทุกทีมมีเวลาเตรียมตัวกันน้อยเหลือเกิน เพราะดันมาแข่งกันกลางฤดูกาลแบบนี้ ดังนั้นทีมไหนมีพื้นฐานทีมเวิร์กดีอยู่แล้ว น่าจะได้เปรียบไม่ใช่น้อย

เที่ยวนี้ “อินทรีเหล็ก” จะกลับมากอบกู้ศักดิ์ศรีคืนได้สำเร็จหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องรอติดตามด้วยใจระทึก.