บำบัดขจัดเรื่องเครียด เคลียร์สมองให้สดชื่น

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนยุคนี้มีความซับซ้อนมากกว่าคนยุคก่อน ๆ เรื่องง่าย ๆ ถูกทำให้เป็นเรื่องยากเพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นว่าเรามีความพยายาม จึงต้องพยายามที่จะเค้นความสามารถของตนเองออกมาโชว์ให้เป็นที่ประจักษ์ แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะต่างคนต่างอยู่ แต่เรากลับสนใจเรื่องของคนอื่นมากพอ ๆ กับที่คนอื่นสนใจเรื่องของเรา หรืออันที่จริงคนอื่น ๆ อาจจะไม่ได้สนใจเรามากขนาดนั้นก็ได้ เอ๊ะ! อะไรกันเนี่ย งงชะมัด! เห็นไหมล่ะ! แค่นี้ก็สับสนได้แล้ว และในแต่ละวันที่มีเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้คิดให้ทำตั้งมากมาย บางทีสิ่งที่อยู่ในหัวในใจเรามันก็อีรุงตุงนังไปหมดเหมือนกัน

นี่ยังไม่รวมสารพัดข่าวสารในช่วงนี้ ที่ทำให้เราได้เสพเรื่องชวนหดหู่ กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวัน ความเครียด ความกดดัน ความเหนื่อยล้าเพราะใจบอกไม่ไหวอย่าฝืน ต่อแถวกันดาหน้าเข้าหาจนสมองล้า ใจหนักอึ้ง ร่างกายก็เพลียแรงไปหมด แบบนี้ปล่อยเอาไว้นานไม่ได้ เราต้องรู้จักที่จะบำบัดความเครียด เยียวยาจิตใจ และเคลียร์สมองให้ปลอดโปร่งสดชื่น เพราะเรายังมีเรื่องอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ เราจะมาพัง หรือเครื่องรวนตอนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! แล้วเราจะบำบัดตัวเองอย่างไรกันดี Tonkit360 มีวิธีมาแนะนำ

ใช้เสียง ASMR ช่วย

เทรนด์การบำบัดความเครียดแห่งยุคโซเชียลมีเดีย ต้องยกให้ ASMR เลย หลาย ๆ คนน่าจะเคยลองใช้ประโยชน์แล้ว และก็พบว่าผลลัพธ์ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับ ASMR นั้น คือการตอบสนองของระบบประสาทที่ถูกกระตุ้นด้วยเสียง การมองเห็น และการสัมผัสอย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ถูกกระตุ้นรู้สึกสงบและผ่อนคลาย อาจช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงาน จึงมีคนนำไปใช้ประโยชน์เพื่อช่วยเรื่องการนอนหลับ พบว่ามันช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยมีงานวิจัยรองรับว่ามีผลต่อสุขภาพจิตใจจริง ลดความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสร้างอารมณ์ด้านบวกได้ไม่ต่างจากการฟังเพลง

แล้ว ASMR หาฟังได้จากที่ไหน? ทุกวันนี้มีคลิปวิดีโอที่ใช้ ASMR เยอะมาก และมี ASMRtist ซึ่งเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ผลิตคอนเทนต์ ASMR ที่มีชื่อเสียงหลายคน ในการสร้างสรรค์ผลงานออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนฟัง ซึ่งคอนเทนต์ ASMR ก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั่ว ๆ ไปก็อย่างเช่น เสียงกินอาหารต่าง ๆ เสียงแกะหรือสัมผัสสิ่งของ เสียงแปรงปัดหน้า เสียงนวด เสียงกระซิบ เสียงเปิดหนังสือ เสียงขูดสบู่ หรือแม้แต่เสียงจากธรรมชาติ เช่น เสียงคลื่น เสียงน้ำตก เสียงลมพัด เป็นต้น เลือกดูเลือกฟังได้ตามใจชอบเลย

ฝึกทำสมาธิ

การฝึกทำสมาธิและการฝึกสตินั้นสามารถให้ประโยชน์หลายอย่าง อย่างแรกคือเพิ่มสมาธิและให้สติกับเราด้วย เพราะการทำสมาธิจะเน้นไปที่การมุ่งเน้นความสนใจอยู่ที่ลมหายใจ จึงช่วยเพิ่มความสนใจและโฟกัสได้ และยังสามารถปรับปรุงความจำและความสามารถทางปัญญาอื่น ๆ ซึ่งการทำสมาธิไม่ได้หมายถึงการนั่งเงียบ ๆ หลับตาเท่านั้น การหายใจลึก ๆ หรือแม้แต่การแผ่เมตตาก็คือการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งเช่นกัน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยให้เรามีสมาธิได้ ปกติแล้วการฝึกสมาธิสามารถทำได้ง่าย ๆ ใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 5-10 นาทีบนโต๊ะทำงานของคุณเลยก็ได้เลย

หากคุณรู้สึกว่าพักนี้ตนเองเริ่มรับมือกับความเครียด ความกดดันตรงหน้าได้ลำบาก มีอาการสติแตกบ่อย มักจะโมโหหรือหัวร้อนกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ควบคุมอารมณ์ได้ยาก ทำงานก็ไม่โฟกัส ไม่มีสมาธิในการจดจ่ออยู่กับงาน ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเริ่มยากกว่าที่เคยเป็น ถ้าเป็นแบบนี้ควรต้องรีบหันหน้าไปพึ่งการฝึกสมาธิโดยด่วน เพื่อปลดความหนักหน่วงออกจากสมองและจิตใจ ด้วยการตั้งสติหรือทำสมาธิง่าย ๆ เพียงแค่หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ พยายามจดจ่ออยู่กับลมหายใจนั้น สังเกตว่าทุกลมหายใจเข้าออก คุณรู้สึกอย่างไร เดี๋ยวเดียวก็ดีขึ้น

ออกกำลังกาย

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย ไม่ได้มีแค่ผลลัพธ์ที่เกิดแก่สุขภาพกายอย่างที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เท่านั้น เช่น การช่วยสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรง ลดความอ้วน ลดน้ำหนัก หรือป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แม้ว่าประโยชน์เหล่านี้จะเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม แต่การออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพใจให้ดีขึ้นได้ด้วย โดยเฉพาะประโยชน์ในเรื่องของการบำบัดความเครียด ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ผ่อนคลายความตึงเครียดทางอารมณ์ ความรู้สึก โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทที่ต้องมีสมาธิควบคู่ไปด้วย เช่น โยคะหรือมวยจีน

นอกจากการออกแรงจะทำให้คุณรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยความอึดอัดใจแล้ว ยังให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นหลังจากออกกำลังการด้วย เพราะเมื่อเราออกกำลังกายถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะปล่อยสารเอ็นดอร์ฟินออกมา สารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันสารคอร์ติซอล หรือสารแห่งความเครียดก็จะลดลงหลังจากออกกำลังกาย เราจึงรู้สึกว่าความเครียดบรรเทาลง ความเศร้าความหน่วงในจิตใจก็ดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ถ้าคุณเครียดหรือกำลังรู้สึกแย่ จงไปออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้ปลดปล่อยพลังออกมา มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

ออกห่างจากหน้าจอ

ถ้าหากคุณได้ลองพิจารณาสภาพจิตใจและอารมณ์ของตัวเอง แล้วพบว่า “หน้าจอ” คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี คุณก็ต้องถอยห่างออกมาจากพวกมันซะ! ไม่ว่าจะหน้าจอใหญ่แบบคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้ทำงาน หรือหน้าจอเล็กของสมาร์ตโฟนที่คุณพกติดตัว แล้วใช้เสพข่าวบ้านเมืองจากโซเชียลมีเดียไม่ว่าตัวคุณจะอยู่ที่ไหน มันดีตรงที่คุณทันข่าวสาร แต่พฤติกรรมแบบนี้มันก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจของคุณเอง โดยที่คุณก็อาจไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ทั้งอาการ Doomscrolling ที่ชอบเสพแต่ข่าวลบ ๆ และอาการ FOMO ที่เสพติดการตามติดกระแสต่าง ๆ

ดังนั้น คุณต้องเพลา ๆ การใช้หน้าจอสักนิด ทั้งการทำงานและการเสพข่าว จอทำงาน เมื่อคุณรู้สึกว่านั่งนานเกินไป สายตาเริ่มล้า ไม่มีสมาธิ คิดงานไม่ออก ให้คุณลุกขึ้นจากหน้าจอ ไปขยับเขยื้อนเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ชมนกชมไม้สัก 10 นาทีแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ เพราะต่อให้นั่งแช่ต่อไปงานก็ไม่เดินอยู่ดี ส่วนจอมือถือ ถ้าการเสพข่าวหรือการใช้โซเชียลมีเดียกำลังทำร้ายคุณ คุณต้องจำกัดการใช้งานกับตัวเอง อาจเริ่มจากการปิดแจ้งเตือน เปิดโหมดออฟไลน์ในบางเวลา หรือถ้าคุณควบคุมตัวเองเก่ง เมื่อไรที่คุณเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับข่าว ให้ปิดหน้าจอแล้วอยู่ห่างมือถือสักพัก

ทำกิจกรรมที่ได้ความสุข

นอกเหนือจากคำแนะนำสี่ข้อที่ผ่านมา ข้อสุดท้ายคือคำแนะนำให้คุณทำกิจกรรมที่คุณชอบ กิจกรรมที่คุณทำแล้วมีความสุข แน่นอนว่าแต่ละคนก็คงมีสิ่งเยียวยาจิตใจแตกต่างกันออกไป โดยปกติแล้วคนเราย่อมมีวิธีการบำบัดตัวเองให้ผ่อนคลายด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะฉะนั้น กิจกรรมอย่างหนึ่งอาจดีต่อใจคนอื่น พอเราเห็นเขาทำแล้วมันน่าสนใจก็เลยลองทำบ้าง แต่พอเราได้ลงมือทำจริง ๆ มันอาจไม่ตอบโจทย์ตัวเราก็ได้ เราทำแล้วเราไม่ชอบ ทำแล้วไม่มีความสุข ไม่รู้สึกถึงการปลอบประโลมใจแม้แต่น้อย หรือมันอาจไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา เลยเหนื่อยเกินไป

ไม่เป็นไร แค่ค้นหาสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขต่อไป จริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรที่จะลองผิดลองถูกไปก่อน หรือถ้าเจอสิ่งที่ใช่ แล้วรู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างแหวกแนวกว่าคนอื่นก็ไม่เห็นต้องแคร์ ตราบใดที่เราทำแล้วมีความสุขและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ทำไปเลย ฟังเสียงคนอื่นให้น้อยลงและฟังเสียงใจตัวเองให้มากขึ้น ทุกครั้งที่รู้สึกว่าจิตใจกำลังเครียดเกินไป และต้องการการปลอบโยน ต้องการหลีกหนีจากบางสิ่งบางอย่างที่กำลังทำให้เรารู้สึกด้านลบกับตัวเอง ก็แค่ทิ้งสิ่งนั้นมาสักพักเพื่อมาทำกิจกรรมที่ชอบ แค่นี้ทั้งสมองทั้งจิตใจก็สดชื่นแล้ว