ความในใจ “เจ้าชายวิลเลียม-แฮร์รี่” ครบรอบ 20 ปี “เจ้าหญิงไดอาน่า” สิ้นพระชนม์

ภาพจาก www.nydailynews.com / www.washingtonpost.com

วันที่ 31 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ถือเป็นวันครบรอบ 20 ปี การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า พระชายาองค์แรกในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์  มกุฎราชกุมารแห่งเวลส์

โอกาสนี้ ช่อง HBO จึงจัดทำสารคดี “Diana, Our Mother: Her Life and Legacy” เพื่อร่วมรำลึกถึงพระองค์ ซึ่งส่วนหนึ่งของสารคดี เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ พระโอรสทั้ง 2 พระองค์ พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับพระมารดาของพระองค์อย่างเปิดอกเป็นครั้งแรกด้วย

ภาพจาก www.washingtonpost.com

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 1997  เจ้าหญิงไดอาน่า ซึ่งกลับมามีสถานะโสดอีกครั้ง หลังทรงหย่าขาดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในปี 1996 ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในอุโมงค์ลอดสะพาน “ปงต์ เดอ ลัลมา”  ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

โดยรถเมอร์เซเดส เบนซ์ ที่พระองค์นั่งมากับพระสหาย โดดี้ ฟาเยด ในวันเกิดเหตุ มีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ บอดี้การ์ดชาวอังกฤษ เทรเวอร์ รีส โจนส์  ที่นั่งข้าง อองรี พอล  คนขับชาวฝรั่งเศส  นอกนั้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งหมด

สำหรับสาเหตุการเสียชีวิต  ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่ปาปาราซซี่ หรือช่างภาพอิสระที่พยายามจะไล่ตามถ่ายรูป เจ้าหญิงไดอาน่า กับเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งเป็นบุตรชายของโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเยด มหาเศรษฐีชื่อดังชาวอียิปต์  หลังจากตามเฝ้ามาตั้งแต่ด้านนอกโรงแรม Hôtel Ritz  ที่ผู้เป็นพ่อของโดดี้เป็นเจ้าของอยู่  จนเป็นสาเหตุให้รถยนต์ที่พระองค์นั่งเสียหลักชนอุโมงค์ลอดสะพาน

ภาพจาก www.cnn.com

อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เวลานานถึง 18 เดือนในการสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น กลับได้ข้อสรุปว่า อองรี พอล  หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรม Hôtel Ritz  ที่ทำหน้าที่ขับรถให้ในวันเกิดเหตุ เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากในร่างกายของเขามีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงมาก อีกทั้งยังขับรถด้วยความเร็วสูงด้วย จึงทำให้รถสูญเสียการควบคุม เสียหลักพุ่งชนกำแพงอย่างแรง ซึ่งขณะเกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้มีช่างภาพเหล่านั้นอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุแต่อย่างใด

ภาพจาก www.washingtonpost.com

ณ ห้วงเวลาที่เจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชันษาได้เพียง 36 ปีนั้น พระโอรสของพระองค์ทรงพระเยาว์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ยังคงจดจำเรื่องราวของพระมารดาได้อย่างชัดเจน

โดยก่อนหน้าเกิดเหตุเพียงวันเดียว ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียม พระชันษา 15 ปี และเจ้าชายแฮร์รี่ พระชันษา 12 ปี ทรงกำลังเล่นกับพระญาติอยู่นั้น เจ้าหญิงไดอาน่าทรงโทรศัพท์มาหาจากฝรั่งเศส  แต่ด้วยความเป็นเด็กจึงอยากจะเล่นมากกว่า ทำให้ทั้งสองพระองค์สนทนากับผู้เป็นแม่เพียงสั้นๆ ก่อนจะรีบตัดบทและกลับไปเล่นต่อตามประสาเด็กๆ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย

ภาพจาก www.nydailynews.com

“ย้อนกลับไปมองตอนนั้น มันยากที่จะเชื่อได้จริงๆ  และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ผมต้องใช้เวลาจัดการกับความรู้สึกตัวเองมาตลอดชีวิต เพราะไม่รู้ว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่จะได้คุยกับพระมารดา” เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเปิดใจเรื่องนี้ผ่านสื่อเป็นครั้งแรก ในวัยที่ทรงเจริญพระชันษา 32 ปี

ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม  ซึ่งมีอายุมากกว่าพระอนุชา 3 ปี กล่าวว่า  “แฮร์รี่และผมต่างรีบร้อนที่จะวางหูด้วยกันทั้งคู่ โดยบอกกับพระมารดาไปว่า ‘แล้วเจอกัน’  แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็คงจะไม่เบื่อหน่ายเลยที่จะเก็บเกี่ยวความสุขในช่วงเวลานั้น ซึ่งทุกวันนี้ เรื่องโทรศัพท์ของแม่ ก็ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของผมอยู่”

ภาพจาก www.people.com

นอกจากเปิดเผยความรู้สึกลึกๆ  ภายในใจแล้ว เจ้าชายวิลเลียมทรงเล่าด้วยว่า “พระมารดาทรงเข้าใจดีถึงชีวิตที่แท้จริงภายนอกรั้วพระราชวัง (เคยเป็นสามัญชนมาก่อน)  พระองค์จึงอยากให้พวกเราได้รู้ได้เห็นตั้งแต่ยังเด็กๆ” และนั่นจึงทำให้พระโอรสทั้งสองมีโอกาสได้ติดตามพระมารดาไปเยี่ยมศูนย์พักพิงของคนไร้บ้านตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงเล่าถึงมุมที่ไม่มีใครเคยทราบมาก่อนว่า  “พระมารดาของพวกเราทรงมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว และหนึ่งในคติที่ท่านบอกกับผมก็คือ จะทำอะไรซุกซนหรือแผลงๆ ก็ได้ แค่อย่าให้ใครจับได้เท่านั้น”

ก่อนที่เจ้าชายวิลเลียมจะตรัสทิ้งท้ายว่า “พระมารดายังทรงประทับอยู่ในใจของเราทุกวัน” ไม่ว่าจะจากไปนานเกือบ 20 ปีแล้วก็ตาม