มีอยู่ด้วยกันหลายเรื่องทีเดียว ที่อาจทำให้เรา “เสียเพื่อน” ไปโดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากเรื่องเงินที่ไม่ค่อยเข้าใครออกใคร “เรื่องเที่ยว” ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ใครหลายคนต้องเลิกคบกับเพื่อนสนิทมานักต่อนัก ความสนิทสนมคบกันมาเป็นสิบยี่สิบปี อาจถูกท้าทายด้วยการไปเที่ยวด้วยกัน โดยเฉพาะแผนเที่ยวต่างประเทศ ไม่มีอะไรทำนายล่วงหน้าได้ว่ากลับมาจากเที่ยวแล้วจะสนิทกันมากขึ้นหรือความสัมพันธ์จะแย่ลงเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่ต้องตัดขาด เฟดหายออกไปจากชีวิตกันและกัน
ทำไมมิตรภาพหลายปีจึงไม่อาจต้านทานความผิดหวังจากการไปเที่ยวด้วยกันเพียงครั้งเดียวได้ นั่นอาจเป็นเพราะว่าต่างคนต่างก็คาดหวังว่าการไปเที่ยวกับเพื่อนจะทำให้เราสนุกและมีความสุขมากที่สุด บันทึกเป็นความทรงจำดี ๆ ว่าการไปเที่ยวเมืองนอกกับเพื่อนนั้นน่าประทับใจแค่ไหน แต่พอทุกอย่างมันให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม มันจึงยากที่จะทำใจยอมรับ ด้วยความที่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเพื่อนคนอื่นเคยสนุกและมีความสุขกับการเที่ยวมามากน้อยแค่ไหน พวกเขาอาจเคยไปสถานที่ที่มันสวยงามกว่านี้ก็ได้ แต่ถ้าทริปนี้มันทำลายสถิติเดิมของพวกเขาไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเฟลกันไปทั้งกลุ่มแก๊ง
ทีนี้ลองมาดูกันหน่อยว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ท้าทายมิตรภาพอันดีระหว่างกลุ่มเพื่อน ที่อาจทำให้เราต้องเสียเพื่อนดี ๆ คนหนึ่งไป เพื่อนคนที่ดีกับเราทุกอย่าง ยกเว้นการจะไปเที่ยวด้วยกันนาน ๆ
ยิ่งสนิทมากยิ่งมีปัญหา
คนเราน่ะนะ ยิ่งสนิทกันมากเท่าไร ความเกรงใจต่อกันก็มีน้อยลงเท่านั้น สังเกตง่าย ๆ ว่าเรามักจะใจเย็น ควบคุมอารมณ์กับคนที่ไม่ค่อยสนิท แต่หัวร้อน ใส่อารมณ์กับคนใกล้ตัวเป็นประจำ นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราคิดว่าไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไรเขาก็คงรับได้ (ไม่งั้นจะสนิทกันได้ไง) จำทำพฤติกรรมแบบไหนกับพวกเขาก็ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงเราควรจะแคร์จิตใจของคนใกล้ชิดที่สนิทสนมให้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งต้องใส่ใจในความรู้สึกของพวกเขา ให้เกียรติมากขึ้น เพื่อรักษามิตรภาพนี้ไปนาน ๆ พอถึงช่วงเวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน ต่างคนต่างแสดงความเป็นตัวเองออกมาเต็มที่ นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่แคร์ไม่เกรงใจกัน คำว่าใจเขาใจเราไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างมันก็เลยกลายเป็นปัญหา
พบกับสารพัดเหตุการณ์วัดใจ
กับเพื่อนสนิทที่คบกันมานาน แต่ไม่เคยมีทริปเที่ยวไกล ๆ แบบที่ต้องไปพักค้างอ้างแรมต่างที่ต่างถิ่นด้วยกันมาก่อน นี่คือเรื่องที่พวกคุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี หากคิดจะวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ขอเตือนก่อนเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย แบ่งคร่าว ๆ ได้ 2 ประเภท คือกลับมาจากเที่ยวถ้าไม่ซี้ปึ้กกันกว่าเดิมก็คือเลิกคบกันแบบไม่เผาผีกันไปเลย ด้วยสารพัดเหตุการณ์วัดใจที่เกิดขึ้น เช่น หลงทาง หิวข้าว ผิดแผน ไม่รักษาเวลา พลาดรถพลาดเรือตกเครื่อง เรื่องเหล่านี้แหละที่จะเป็นตัวจุดประเด็นให้ทะเลาะกัน ยิ่งถ้าสนิทกันมากจนไม่รักษาน้ำใจกันแล้ว เวลาคุมอารมณ์ไม่ได้ ต่างฝ่ายก็จะแสดงด้านมืดของตัวเองออกมาแบบไม่แอ๊บ เคลียร์ปัญหาไม่ได้ความสัมพันธ์ก็จบ
ทะเลาะกันแล้วหาทางลงไม่ได้
จริง ๆ แล้วถ้าเพื่อนกันจะผิดใจกันบ้างหรือทะเลาะกันเพราะความเห็นไม่ตรงกันเนี่ย เป็นเรื่องที่สุดแสนจะปกติ แต่ปัญหามันอยู่ว่าทะเลาะกันแล้วไปไหนต่อล่ะ เคลียร์กันจบไหม หรือต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่ชี้แจง ไม่อธิบาย ไม่สื่อสาร แล้วแสดงออกต่อกันด้วยกิริยาท่าทางต่าง ๆ ว่าไม่พอใจ กิริยาเชิงประชดประชัน พูดกระแนะกระแหน แบบนี้แหละที่เรียกว่าหาทางลงไม่ได้ ไม่คุย ไม่เคลียร์ ไม่ง้อให้มันจบไป บางคนอาจจะตั้งใจว่าไว้คุยกันทีหลังแล้วกันจะได้ไม่เสียบรรยากาศ กลับกลายเป็นว่าที่บึ้งตึง ฝืนความรู้สึกด้านลบมาทำดีต่อกัน ยิ่งทำให้บรรยากาศมันอึดอัดไปกันใหญ่ แถมยังทำให้เรื่องต่าง ๆ แย่ลงด้วย กลายเป็นความทรงจำที่มีรอยด่างของคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในทริปนั้นไปเลย
พื้นที่ส่วนตัวแทบไม่มี
การไปเที่ยวต่างประเทศ ต่อให้ทุกคนที่ร่วมทริปไปด้วยกันสามารถใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือหรือเอาตัวรอดได้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมต่างบ้านต่างเมืองมันทำให้เรารู้สึกไม่คุ้นเคย การพยายามเกาะกลุ่มกันไว้จึงเป็นวิธีที่กลุ่มเพื่อนชอบทำ เพราะรู้สึกสบายใจและอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ ทำให้เราอาจต้องติดแหง็กอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกือบจะ 24 ชั่วโมง ขยับไปไหนไม่ได้เพราะต่างคนต่างกลัวพลัดหลง แต่ในขณะเดียวกันเวลาเที่ยวมีจำกัด และรสนิยมในการเที่ยวของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ถ้าต้องแห่ยกโขยงกันไปเดินช้อปปิงทั้งที่มีบางคนอยากแยกไปเดินพิพิธภัณฑ์ แบบนั้นจะมีคนไม่พอใจแน่ ๆ ที่ต้องจำใจไปช้อปปิง ทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ส่วนตัว จึงควรเว้นระยะห่างกับเพื่อน ๆ ไว้บ้าง
การแบ่งหน้าที่ในทริปไม่ชัดเจน
เป้าหมายของการเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อน นอกจากจะเพื่อไปเก็บประสบการณ์ เก็บความทรงจำ ไปสนุกสนานด้วยกันแล้ว ที่ต้องไม่ลืมก็คือเพื่อให้ทุกคนได้ช่วยเหลือพึ่งพากัน ลองนึกภาพตามว่าถ้าเราต้องวางแผนอยู่คนเดียวและต้องรับผิดชอบนู่นนั่นนี่ของเพื่อนด้วย คนอื่นแค่ลากกระเป๋าไปเมื่อถึงวัน พอมีอะไรไม่พอใจก็บ่น คาดหวังสูงทั้งที่ไม่ยอมมาช่วยกันออกความเห็นตั้งแต่แรก มันจะไม่เหนื่อยใจเกินไปเหรอ แบบนี้เที่ยวคนเดียวสบายใจกว่ามั้ง เพราะฉะนั้น อย่าให้ใครต้องมารู้สึกว่าหน้าที่ตัวเองหนักหน่วงเกินไปอยู่เพียงคนเดียว เมื่อวางแผนจะไปด้วยกัน ก็ควรแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกับเพื่อน ๆ ทุกคนให้ชัดเจน ใครดูแผน ใครดูเรื่องอาหารการกิน ใครดูเรื่องตั๋วต่าง ๆ กำหนดไปเลย