แม้ว่าปัจจุบัน “ครอบครัว” ในสังคมเมืองจะปรากฏเป็นครอบครัวเดี่ยวเสียส่วนมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพียงสามีภรรยาที่อยู่กินกันเพียงสองคน ไม่มีลูก หรือครอบครัวที่มีคน 2 รุ่น คือพ่อ แม่ ลูก แต่ในสังคมชานเมืองกลุ่มชนชั้นกลาง รวมไปถึงสังคมชนบท ยังมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นครอบครัวขยาย หรือก็คือประกอบด้วยคนอย่างน้อย 3 รุ่น คือพ่อ แม่ ลูก อยู่ร่วมกับปู่ ย่า ตา ยาย ความหลากหลายของวัยเป็นปัจจัยที่ทำให้การอยู่ร่วมบ้านกันมีความแตกต่างสูง ซึ่งไม่ใช่แค่ปัญหาในการอยู่ร่วมกันและความขัดแย้งเท่านั้น แต่เรื่องของสุขภาพก็ทำให้คนแต่ละช่วงวัยต้องการการดูแลต่างกัน
เพราะร่างกายของคนที่ต่างช่วงวัยกันไม่เหมือนกัน กลุ่มเด็กและวัยรุ่น เป็นร่างกายที่กำลังเจริญเติบโต มีแรงมีกำลังดีแต่ยังใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร กลุ่มวัยทำงาน เป็นร่างกายที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ใช้พลังใช้แรงที่มีอยู่ได้อย่างเต็มสูบ ร่างกายหนุ่มสาวยังแข็งแรง อยากทำอะไรก็ทำได้เต็มที่ ทว่าถ้าไม่ดูแลดี ๆ ก็ทรุดได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มวัยสูงอายุ เป็นร่างกายที่ผ่านมาหมดแล้ว ทั้งช่วงกำลังเจริญเติบโต ช่วงที่โตเต็มวัย ใช้กำลังใช้แรงอย่างเต็มที่มาอย่างยาวนาน ของที่ใช้มานานแล้วมันก็ย่อมเสื่อมถอยลงไปสภาพ ต่อให้ดูแลดีแค่ไหน คนวัยนี้รู้ดีว่าร่างกายตัวเองไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนก่อนได้อีกแล้ว ทำได้แค่ประคับประคองให้ใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติและอย่าทรุดไปมากกว่านี้
ในเมื่อร่างกายและสุขภาพโดยรวมของคนทั้ง 3 วัยมีความแตกต่างกัน คนแต่ละช่วงวัยก็มีความเสี่ยงต่อปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บแตกต่างกันตามไปด้วย อีกทั้งปัญหาเรื่องสุขภาพก็อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยที่สุดคือตรวจทุกปี (ปีละ 1 ครั้ง) ก็จะช่วยให้เรารู้สุขภาพและความแข็งแรงของร่างกายตนเอง ป้องกันหรือค้นหาโรคและภาวะผิดปกติในร่างกาย หากป่วย จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ วางแผนดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ บรรเทาความรุนแรงของโรค ลดอัตราการเจ็บป่วย และอัตราการเสียชีวิต
ดังนั้น หากบ้านไหนที่วางแผนจะไปตรวจสุขภาพประจำปีกันยกบ้าน คนทั้ง 3 วัยจะได้รับรายการตรวจที่แตกต่างกัน แล้วแต่ละวัยต้องตรวจอะไรบ้าง เพื่อคัดกรองความผิดปกติและประเมินความเสี่ยงของโรคได้เบื้องต้น
ใครบ้างที่ควรต้องตรวจสุขภาพ
- กลุ่มเด็กและวัยรุ่น (อายุ 0-18 ปี)
- กลุ่มวัยทำงาน (อายุ 18-60 ปี)
- กลุ่มวัยผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป)
การตรวจสุขภาพแต่ละช่วงวัยเป็นอย่างไร
กลุ่มเด็กและวัยรุ่น อายุ 0-18 ปี
- ตรวจเช็กสุขภาพทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ทุกครั้งที่มาตรวจพัฒนาการและรับการฉีดวัคซีน สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จะมีสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ที่ให้คำแนะนำด้านสุขภาพของเด็กอย่างละเอียด ในกลุ่มวัยรุ่นควรเช็กด้วย BMI ด้วย
- ได้รับวัคซีนที่เหมาะสมตามช่วงวัย
- ตรวจคัดกรองทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจคัดกรองการได้ยินด้วยเครื่องมือ OAE ภายใน 6 เดือนหลังคลอด
- ตรวจเลือด เพื่อค้นหาภาวะซีด ในทารกแรกเกิดและให้การดูแลรักษาภาวะซีดเพื่อป้องกันไม่ให้ IQ ต่ำ ช่วงอายุ 6 – 12 เดือน/ 3 – 6 ปี/ ช่วงวัยรุ่น (หญิง)
- ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และเล็ก
- ด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร
- ด้านการช่วยเหลือตัวเองและการเข้าสังคม
- ด้านสติปัญญาและจริยธรรม
- ค้นหาพฤติกรรมเสี่ยงตามวัย
- การปล่อยปละละเลยจนเสี่ยงอันตราย
- ปัญหาพฤติกรรม อารมณ์
- ปัญหาการเรียน ติดเกม เครียด
- ปัญหาครอบครัว เรื่องเพศ ยาและสารเสพติด
- ส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม
- ดูแลช่องปากและฟัน
- การมีโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายที่เหมาะสม มีผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
กลุ่มวัยทำงาน อายุ 18-60 ปี
- ตรวจรายการทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง BMI และวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจสายตา อายุระหว่าง 40-60 ปี ควรตรวจวัดสายตา 1 ครั้ง
- การตรวจคัดกรองมะเร็งที่จำเป็น
- มะเร็งเต้านม อายุ 30-39 ปี ควรตรวจทุก 3 ปี อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกปี ควรคลำเต้านมด้วยตนเอง หากมีความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
- มะเร็งปากมดลูก อายุ 30-65 ปี ควรตรวจทุก 3 ปี
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจอุจจาระทุกปี
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจหาภาวะซีด อายุ 18-60 ควรตรวจหาภาวะซีด 1 ครั้ง เพื่อให้การดูและรักษาที่เหมาะสม
- ตรวจหาเบาหวาน อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 3 ปี ถ้าตรวจเจอเร็วจะรักษาได้เร็ว ป้องกัน และชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- ตรวจหาไขมันในเลือด อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 5 ปี ช่วยคัดกรอง และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
- แบบประเมินสภาวะสุขภาพของคนวัยทำงานที่จำเป็น สามารถคัดกรองได้ด้วยตนเองหรือบุคลากรสาธารณสุข โดยใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้า ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด การติดบุหรี่ สุรา ยา และสารเสพติด เพื่อให้รับคำปรึกษาและการดูแลที่เหมาะสม
กลุ่มวัยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ตรวจร่างกายทั่วไป ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง BMI และวัดความดันโลหิต อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ตรวจสายตา อายุ 60-64 ปี ตรวจทุก 2-4 ปี อายุ 65 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็น
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น
- ตรวจปัสสาวะ ควรตรวจทุกปี เพื่อคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
- ตรวจหาภาวะซีด ควรตรวจทุกปี เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป
- ตรวจหาไขมันในเลือด ควรตรวจทุก 5 ปี
- ตรวจหาเบาหวาน ควรตรวจทุกปี
- ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต ควรตรวจทุกปี เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของไต
- ตรวจคัดกรองมะเร็ง
- มะเร็งปากมดลูก ตรวจทุก 3 ปีจนถึงอายุ 65 ปี
- มะเร็งเต้านม ตรวจทุกปีจนถึงอายุ 69 ปี
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจอุจจาระทุกปี
- ประเมินสภาวะสุขภาพในผู้สูงอายุ
- ภาวะโภชนาการ เพื่อลดภาวะทุพโภชนาการ และได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม
- ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
- ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เพื่อป้องกันการเกิดกระดูกหัก
- ภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต
- ภาวะซึมเศร้า เพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้า และได้รับการวินิจฉัยช่วยเหลือที่ถูกต้องและเหมาะสม
ข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ