กรณีของ แฮชแทค #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น ที่ติดเทรนด์ในสื่อสังคมออนไลน์ ชนิดข้ามวันข้ามคืน บอกอะไรกับเหล่า “ผู้ชอบกินเผือก” หรือ “ผู้ชอบเสพดราม่า” บ้าง หากพิจารณาจากความคิดเห็นตาม แฮชแทค ดังกล่าว แบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ 1.กลุ่มที่คิดว่านี่คือการถูกเอาคืนของคนที่ชอบไปแฉคนอื่นแล้วถูกแฉกลับบ้าง 2.กลุ่มที่คิดว่าเป็นเรื่องราวส่วนตัวของศิลปินไม่ต้องอินอะไรกันมากนัก และกลุ่มที่ 3.แค่อยากรู้ว่ามันเรื่องอะไรกันเห็นติดเทรนด์ ข้ามวันข้ามคืน
จากสังคมที่เปลี่ยนไป สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทในโลกจริงและโลกเสมือนจริง การติดแฮชแทค เพื่อสื่อความหมายถึงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นกระแส ทำให้ผู้คนในปัจจุบันเสพติดเรื่องราวของคนอื่น เรื่องราวที่อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง จนมากเกินไป อย่างในกรณีนี้เป็นเรื่องที่พอจะรู้กันอยู่แล้วเพียงแต่มีการนำตัวละครมาเพิ่มให้มากขึ้น และ อยู่ในช่วงเวลาที่สังคมต้องการเสพดราม่าเรื่องใหม่พอดี
เมื่อมองกลับเข้าไปในเนื้อหาของ แฮชแทค #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น จะเห็นว่าเรื่องราวของ “รักต่างวัย” ซึ่งความรักแบบนี้เกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ชาย และ ผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายอายุมากกว่าผู้หญิงหลายสิบปี หรือ ผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชายแบบทบรอบ ความรักแบบนี้มักจะถูกตั้งข้อสังเกตุเสมอ ว่าเป็นรักล้วนๆ หรือ รักที่เจือปนด้วยเสน่หาเงินตรา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเรื่องของคนสองคน เป็นเงินของเขาหรือเธอ ที่เต็มใจและยินดีจะมอบให้กับคนของตนเอง เพียงแต่เรื่องแบบนี้คนรอบข้างอาจรู้สึกขัดเคือง ด้วยข้ออ้างว่า ขัดต่อศีลธรรมอันดี แต่นั่นก็เป็นการตัดสินจากคนนอกที่ไม่ได้ไปรู้เรื่องจริงของทั้งคู่แม้แต่น้อย
อันที่จริงแล้วเรื่องของความรัก นั้นไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องของอายุ เพศ การศึกษา หรือสถานะ ความรักเป็นเรื่องของความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครสามารถบังคับให้คนเรามารักกันได้ และถ้าเป็นรักต่างวัย หากฝ่ายชายอายุมากกว่า ย่อมหมายถึงหน้าที่การงานมั่นคง พร้อมที่จะดูแล ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ผู้หญิงซึ่งอายุมากกว่ามีประสบการณ์ชีวิตมาแล้ว มีบทบาทในทางสังคม การคบหากับผู้ชายอายุน้อยกว่า จะทำให้ฝ่ายชายถูกมองในแง่ลบ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่พวกเธอ จะช่วยเหลือและเกื้อกูล ให้ชายที่เธอรักนั้น สามารถยืนเคียงข้างได้อย่างสมหน้าสมตา
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น หรือแม้แต่วลีฮิตในอดีตอย่าง “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม” ล้วนแล้วแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปของสังคมไทยที่เปิดรับความเป็นไปของโลกมากขึ้น แม้อาจจะมีบ้างที่ขัดเคืองแต่ก็เป็นเรื่องของคนสองคน ที่คนอื่นไม่ได้มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยว และจงเข้าใจตรงกันว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน ทุกที่บนโลกใบนี้เพราะความรักที่ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม