เสร็จสิ้นการลุ้นกันไปอย่างเหน็ดเหนื่อยนะครับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำหรับประชาชนคนกรุงเทพฯ ทั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ ฟุตบอลชายซีเกมส์ ตกดึกตื่นเต้นสุดก็คงเป็นการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งผลลงเอยด้วยทีมของ “เป๊ป” คว้าเอาไปครองได้อีกสมัยแบบไม่มีพลิก
ทีมของ เยอร์เก้นน์ คล็อปป์ เริ่มส่ออาการกรอบเป็นข้าวเกรียบ จากการกรำศึกมาอย่างยาวนาน 62 นัดในฤดูกาลนี้ แม้จะพยายามบริหารจัดการเป็นอย่างดีที่สุดในการสลับสับเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่สุดท้ายการลุ้น 4 แชมป์มันเป็นภารกิจที่เกินจะแบก หวังว่าอาการเหนื่อยล้ามันจะยังไม่ส่งผลไปถึงศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศกับ เรอัล มาดริด
การได้แค่ “ดับเบิ้ลแชมป์” บอลถ้วยในประเทศ กับความสำเร็จระดับ “ทริปเปิลแชมป์” โดยมี ถ้วยหูใหญ่เป็นเพชรยอดมงกุฎนั้น ความรู้สึกและความยิ่งใหญ่ในการจารึกประวัติศาสตร์มันผิดกันไกล เพราะฉะนั้นภารกิจนี้ คล็อปป์ พลาดไม่ได้จริง ๆ ครับ
ส่วนเรื่องภาพรวมของฤดูกาลนั้นมีหลายทีมที่ทำผลงานได้ตามเนื้อผ้า ยกเว้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ดูน่าผิดหวัง ส่วนทีมที่น่าประทับใจที่สุดผมยกให้ “ไก่เดือยทอง” ทอตนัมฮอตสเปอร์ ซึ่งเริ่มต้นฤดูกาลด้วยกุนซือ นูโน่ ซานโต้ จากนั้นตัดสินใจเปลี่ยนกลางคันมาเป็น อันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งสุดท้ายพาทีมไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จในที่สุด
ขอซูฮกในฝีมือจริง ๆ เพราะคอนเต้ ใช้เงินซื้อนักเตะเพียงน้อยนิด ดึงมาแค่ โรดริโก้ เบนตันกูร์ และเดยัน คูลูเซฟสกี้ สองนักเตะจากยูเวนตุส โดย เบนตันกูร์ นั้นค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ ส่วน คูลูเซฟสกี้ นั้นมาด้วยสัญญายืมตัวก่อนพ่วงด้วยการซื้อขาด หักลบจากการขาย เดเล่ อัลลี ให้ เอฟเวอร์ตัน 40 ล้านปอนด์ แล้วยังกำไรอยู่ด้วยซ้ำ
ไม่น่าเชื่อว่าพอมาเล่นจริงตั้งแต่เดือนมกราคม สองผู้เล่นจากศึกกัลโช่ กัลโช่ เซเรียอาสามารถปรับตัวได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ต้องยอมรับว่ากุนซืออิตาเลี่ยนตาแหลมจริง ๆ โดยเฉพาะ คูลูเซฟสกี้ ตอนอยู่ ยูเว่ เล่นไม่ออก พอเข้ามายืนกองหน้าด้านขวาให้ สเปอร์ส ปรากฏว่าเบียด ลูคัส มูร่า กระเด็น และมีส่วนดึงความสนใจของกองหลัง จนทำให้ ซน เฮือง มิน เล่นสบาย
สุดท้ายส่งผลให้นักเตะเกาหลีใต้ กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดในพรีเมียร์ลีกร่วมกับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ด้วยยอด 23 ประตู เป็นนักเตะเอเชียนที่คว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่
สเปอร์ส กลายเป็นทีมที่ลงตัวด้วยระบบ 3-4-3 กองหลังที่เคยปวกเปียก ถูก คอนเต้ เทรนจนแน่นปึ้ก เขาสามารถสร้างแนวรับที่มี 3 เซ็นเตอร์แบ็กตามสไตล์ถนัดนั่นก็คือ คริสเตียน โรเมโร่, เอริค ดายเออร์, เบน เดวิส รวมทั้งวิงแบ็กทั้งสองข้างอย่าง เอเมอร์สัน รอแยล กับ เซคิโอ เรกีลอน
น่าสนใจว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ คอนเต้ จะทำให้ “ไก่เดือยทอง” พัฒนาขึ้นมาอีกระดับไหน ถ้ามีโอกาสใส่ผู้เล่นเพิ่มแบบลูกน้องเก่าอย่าง อัชราฟ ฮาคิมี่ แบ็คขวาจอมตะลุย กับ มิลาน สคริเนียร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวแกร่งของ อินเตอร์ มิลาน อีกสักคนสองคนแบบนี้ สเปอร์ส ก็น่าจะมีลุ้นไปไกลในระดับยอดบนของตาราง
ผมมองว่านี่คือทีมน่าจับตามองมากที่สุดในฤดูกาลหน้า คิดว่าเป้าหมายของทั้ง คอนเต้ และ ดาเนียล เลวี่ ประธานสโมสรคงไม่ใช่แค่อันดับสี่เท่านี้ อุตส่าห์ลงทุนสร้างสนามไปเสียหลายตังค์ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อแม้ว่าทั้งคู่จะต้องไม่แตกคอกันเอง หรือมีใครไปทำให้ คอนเต้ ขุ่นใจจนขอลาออกเสียก่อน
เป็นอิตาเลี่ยนอารมณ์ศิลปินนะจะบอกให้!