Save Energy
ช่วงนี้ประเทศไทยกำลังร้อน เห็นหลายคนพาตัวเองเข้าห้องกระหน่ำเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนแล้วก็อดเป็นห่วงเรื่องการประหยัดพลังงานไม่ได้ โดยเฉพาะหลังๆมานี่ดูไม่มีใครออกมารณรงค์หรือทำหนังโฆษณาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันแล้ว
การปลูกจิตสำนึกให้คนประหยัดพลังงานในบ้านเรา ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ทำได้ยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เมืองไทยอาจจะ “หย่อน” วินัยเรื่องนี้ไปมาก หลังจากที่ราคาน้ำมันลดต่ำลงเหลือไม่ถึง 50 เหรียญต่อบาเรลล์ แต่อย่าลืมว่าค่าไฟฟ้ายังแพงหูดับตับไหม้อยู่ และถือเป็นรายจ่ายขั้นพื้นฐานของแต่ละครัวเรือน
ในระหว่างที่พลังงานไทยเรากำลังจะหมดอ่าวไทย แถมยังไม่มีทางเลือกทดแทนที่ชัดเจน จะใช้ถ่านหินโดนต้าน จะสร้างเขื่อนใช้พลังน้ำก็ถูกทัดทาน ก๊าซธรรมชาติว่าจะหมดอ่าว แสงอาทิตย์ท่านว่าต้นทุนแพงเกินไป กังหันลมก็ไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะไปกันทางไหนแน่
สุดท้ายไม่รู้จะหวังพึ่งใคร ประชาชนอย่างเราหันมาตัวเองดีกว่า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่างน้อยก็เป็นผลดีในการลดรายจ่าย เพื่อให้แต่ละครอบครัวเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น
วิธีประหยัดไฟแบบง่ายๆ ก็คือ 1. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเครื่องหมายเบอร์ 5 รับรองประหยัดไฟ และขนาดพอเหมาะกับการใช้งาน ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป 2. ปิดไฟตอนเที่ยง ไม่ใช้แล้วอย่าเปิดทิ้งขว้าง อาทิ หลอดไฟในห้องที่เราไม่ได้อยู่ หรือเครื่องทำน้ำอุ่น หน้าร้อนแบบนี้ความจริงไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว แต่บางคนด้วยความเคยชินก็เปิดอ่อนๆไว้ ถ้าเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นธรรมดาจะช่วยประหยัดได้ 3.ลดระยะเวลาในการเปิดแอร์ เพราะเครื่องปรับอากาศนั้นถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟลำดับต้นๆ
มีเพื่อนผมเคยเตือนเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่เสียบสวิทช์ทิ้งไว้ให้ไฟวิ่งเข้า แม้ไม่ได้เปิดใช้มันก็แอบดูดไฟเราไปเงียบๆ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยู่บ้านก็ลองถอดปลั๊กออกเสีย หรือซื้อ อแดปเตอร์ ที่มีปุ่มเปิดปิดคอยควบคุม ปิดไว้ในยามไม่อยู่ เท่านั้นท่านก็จะประหยัดเงินได้เดือนละเป็นหลักร้อยบาทแล้ว นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมาย ที่จะทำให้ท่านมีส่วนร่วมในการช่วย Save Energy
พูดถึงเรื่องการประหยัดพลังงานก็ให้หวนนึกถึงประเทศไทยตอนผมเด็กๆ ที่บางช่วงเรามี “เคอร์ฟิว” ด้วยครับ คำนี้เด็กวัยรุ่นยุคนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักแล้ว ยุคนั้นน่าจะเป็นยุครัฐบาลป๋าเปรม ที่เรามีกฎเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านหลังเที่ยงคืน ส่วนทีวีจะปิดสถานีแค่สี่ทุ่ม
บางช่วงจะมีไฟดับยาวนานเป็นชั่วโมงเพราะกระแสไฟฟ้าเรายังไม่เพียงพอ และยังไม่มีการซื้อหาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้สมัยนั้นเทียนไขกับไฟฉายกลายเป็นสิ่งของจำเป็นประจำบ้านและต้องเอาไว้ในจุดสังเกต ไฟดับทีไรจะได้งัดออกมาใช้อย่างทันท่วงที ภายหลังจากนั้นไม่นานเราก็มาค้นพบพลังงานในอ่าวไทยจนโชติช่วงชัชวาลสืบต่อมา
ในยุคเมืองไทย 4.0 ในโลกยุคดิจิตอล และเรามีช่องทีวีดิจิตอลกว่า 20 ช่อง คงไม่ต้องหมุนเข็มนาฬิกากลับไปทำขนาดนั้นแต่ก็ไม่ควรประมาท หากช่วยกันประหยัดคนละไม้คนละมือ ไทยเราจะได้ไม่ต้องเผชิญกับภาวการณ์ขาดแคลนพลังงานเหมือนในอดีตอีกครั้งครับ.
(ขอบคุณภาพจาก pixabay)