เข้าสู่ปีที่ 3 ของการทำงานในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงอันเนื่องมาจากโรคระบาดใหญ่ ที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ หากย้อนไปเมื่อช่วง 2 ปีก่อน หลาย ๆ คนคงรู้สึกว่ารูปแบบการทำงานในช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่ใหม่ ไม่คุ้นชินและต้องปรับตัวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อมาถึงเวลานี้ ชีวิตการทำงานที่เราเคยไม่คุ้นชินกลายเป็นความปกติที่เรายอมรับได้แล้ว ในเมื่อการทำงานยังเปลี่ยนมาได้ไกลถึงขนาดนี้ คนทำงานจำนวนไม่น้อยเริ่มวางแผนชีวิตการทำงานของตนเองในรูปแบบใหม่เช่นกัน เพื่อให้เข้ากับโลกของการทำงานที่เปลี่ยนไปตลอดกาล
หลาย ๆ คนพิจารณาว่าตนเองคาดหวังอะไรจากการทำงาน และจะทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร โดยตั้งเป็นเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งปกติเรามักจะวางแผนเรื่องเป้าหมายกันเป็นปกติอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าการกำหนดเป้าหมายและการยึดมั่นอยู่กับเป้าหมายให้ได้ตลอดรอดฝั่งนั้นพูดง่ายกว่าลงมือทำ ที่สำคัญมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถพิชิตเป้าหมายได้ตามที่คาด ฉะนั้น หากต้องการจะบรรลุเป้าหมายให้ง่ายขึ้น อาจต้องพึ่งเคล็ดลับบางอย่าง เพื่อจูงใจให้ดำเนินงานอยู่ในแนวทางที่ดีจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
เป้าหมายชัดเจนพอไหม
อาจฟังดูกำปั้นทุบดิน แต่ขั้นตอนแรกสุดในการบรรลุเป้าหมายก็คือการหาเป้าหมายนั่นแหละ ว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร ที่ตั้งเอาไว้ชัดเจนมากพอหรือยัง พยายามกำหนดเป้าหมายให้เป็นรูปธรรมและเฉพาะเจาะจง เพราะจะช่วยให้จดจำไว้เตือนใจ และตรวจสอบความคืบหน้าได้ง่ายขึ้น ต้องสามารถวัดผลออกมาแบบที่จับต้องได้ เช่น การได้โครงการใหม่ การเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นเงินเดือน เมื่อได้เป้าหมายที่ชัดเจน แนวทางในการดำเนินการมันก็จะชัดเจนตามไปด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่โต เอาที่มั่นใจว่าทำได้ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
กำหนดระยะเวลาให้อยู่ในขอบเขตที่สามารถจัดการได้
เมื่อได้เป้าหมายที่ภาพชัดเจนแล้ว สิ่งต่อมาคือการกำหนดกรอบระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายให้ชัดเจน โดยทั่วไปก็จะกำหนดไว้ที่ 1 ปี และประเมินผลลัพธ์แบบปีต่อปี ตรงส่วนนี้เป็นกุญแจสำคัญมากในการวัดผลว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สามารถพิชิตได้จริงหรือไม่ อีกทั้งมันยังเป็นตัวกำหนดว่าเรามีระยะเวลาอยู่เท่าไร เพื่อที่จะได้คิดแผน ขั้นตอน กระบวนการเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในระยะเวลาเท่านี้
มีกลยุทธ์
หากไม่มีกลยุทธ์ ก็เหมือนการออกรบโดยใช้อาวุธผุ ๆ พัง ๆ นอกจากจะใช้ต่อสู้ไม่ค่อยได้แล้ว ยังทำให้เสียขวัญและกำลังใจด้วย ขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นในการบรรลุเป้าหมายคือกลยุทธ์บางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจ ในที่นี้อาจเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อตอบแทนการทำงานอย่างหนักของตนเอง เมื่อเรารู้ว่าการทุ่มเททำงานอย่างหนักก็มีสิ่งดี ๆ รออยู่ ทุกหยาดเหงื่อแรงกายไม่ได้เสียเปล่า เราก็จะตั้งใจทำมันให้ดี และรอรับรางวัลนั้น
มีพาร์ทเนอร์ร่วมรับผิดชอบ
เพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายได้ตลอดทั้งปี เราอาจต้องหาวิธีบางอย่างที่จะทำให้ตัวเองมีความรับผิดชอบมากกว่าที่เคย แต่ถ้าเป้าหมายที่ตั้งไว้มันค่อนข้างใหญ่ การรู้สึกว่าต้องมีความรับผิดชอบตลอดเวลาอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ซึ่งมันคงจะดีกว่าหากมีพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ที่ดีเข้ามาช่วยแบ่งปันหน้าที่ความรับผิดชอบ การดำเนินงาน ความท้าทาย รวมถึงความสำเร็จ แน่นอนว่าทั้งเราและอีกฝ่ายต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน แบบที่โบราณว่าไว้ว่า “สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว” อาจมีคนหนึ่งเป็นสายบู๊ อีกคนเป็นสายบุ๋น ต่างฝ่ายต่างถ่วงสมดุลกันไว้ ช่วยคิด ช่วยทำ ตักเตือนกัน
รู้ว่าเมื่อใดต้องเอ่ยคำปฏิเสธ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนถูกขัดขวางจนไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ คือการที่ต้องทำตามคำขอทั้งที่ไม่เต็มใจ โดยที่เราก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยเฉพาะคำขอที่มาในลักษณะขอต่อพ่วงไปด้วยกับเป้าหมายหลักของเรา คำขอนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิ กวนใจ จนไม่สามารถที่จะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพตามปกติ ดังนั้น อาจเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้วิธีการปฏิเสธ โดยก่อนตัดสินใจตอบตกลงต้องมีสติให้มาก คิดทุกอย่างอย่างรอบคอบว่าเราจะไม่รู้แย่กับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะคำขอนั้นอาจพรากเวลาในการทำงานตามเป้าหมายของเราไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าให้ปฏิเสธคำขอจากคนอื่นทั้งหมด ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่คิดให้ดี ๆ ว่าจะตอบรับคำขอไหน และคำขอนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายของตนเองอย่างไร ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ คิด หากเป็นเรื่องใหญ่ ให้ขอเวลาในการตอบกลับ