ราชันแห่งแอนฟิลด์

ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ผมพอมีเวลาว่างจึงได้เรียบเรียงหนังสือน่าสนใจสำหรับแฟนลิเวอร์พูลขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งนั่นก็คือ “คิงเคนนี่ ราชันแห่งแอนฟิลด์” บุรุษผู้ผูกพันกับ “หงส์แดง” และ “เดอะ ค็อป” มาอย่างยาวนานนับจากปี 1977 ที่เขาตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมมาจนถึงปัจจุบัน

หนังสือเล่มนี้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจ ไขปมตั้งแต่แรกเริ่มว่าทำไม บ๊อบ เพสลี่ย์ อดีตกุนซือหงส์ผู้ยิ่งใหญ่จึงตัดสินใจเลือกซื้อตัว ดัลกลิช มาจากสกอตแลนด์มาแทนที่ “คิงเคฟ” เควิน คีแกน ปฐมบทการปรับตัวของ “คิงเคนนี่” ให้เข้ากับทีมใหม่ซึ่งเป็นทั้งยักษ์ใหญ่ของอังกฤษและยุโรปลำบากขนาดไหน

ต่อมาในปี 1985 เหตุใดสโมสรจึงแต่งตั้งเขาเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ภายหลังโศกนาฏกรรมที่ เฮย์เซล สเตเดี้ยม แล้วหลังจากนั้นคลี่คลายประเด็นการลาออกเมื่อปี 1991 และความเสียใจที่มีอยู่ลึก ๆ ภายหลังฝ่ายบริหารไม่ชวนเขากลับ ไปเลือก แกรม ซูเนสส์ มาแทนที่

ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของ ดัลกลิช กับ เฟอร์กี้ หรือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสกอตติชและแข่งความสำเร็จกับเขามาตลอดแท้จริงคือมิตรหรือศัตรู?

เขาทิ้งทีมที่ย่อยยับไว้ให้ “ซูอี้” คือสาเหตุที่ทำให้ลิเวอร์พูล ตกต่ำมาตลอด 30 ปีจริงหรือไม่? มุมมองของเขาต่อบูตรูม เป็นอย่างไรกันแน่?

หลายประเด็นน่าสนใจชนิดที่เรียกว่า แฟนลิเวอร์พูล พลาดไม่ได้เป็นอันขาด ขอหยิบยกคำนำบางช่วงบางตอนของหนังสือเล่มนี้มาให้อ่านกันพอเป็นน้ำจิ้มก็แล้วกัน…

เรื่องราวของ “คิง เคนนี่” เล่าเมื่อไหร่ไม่เคยเบื่อสำหรับแฟน “หงส์แดง” เนื่องจากเขามีความเป็นบุคคล “ร่วมสมัย” รวมทั้ง “ร่วมหลายสมัย” เนื่องจากชีวิตคาบเกี่ยวตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นในฐานะนักเตะเยาวชนกับเซลติค เมื่อปลายทศวรรษ 60 (ทั้ง ๆ ที่เป็นแฟนเรนเจอร์ส) เคยมาทดสอบฝีเท้าในถิ่นแอนฟิลด์ก่อนด้วยซ้ำแต่ก็คลาดกันไป

ยุค 70 ย้ายมาเล่นในอังกฤษกับ “เร้ด แมชีน” เป็นตัวแทน เควิน คีแกน ต่อมาจนถึง 80 ช่วงกลางควบตำแหน่งผู้จัดการทีมเอาเสียด้วย พอยุค 90 พาแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก ยุค 2010 กลับมาทำงานกับลิเวอร์พูล อีกคำรบ

ยุค 2020 ดัลกลิช ยังเป็นผู้บริหารสโมสรและผู้มอบถ้วยพรีเมียร์ลีกให้กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ในวันที่ “หงส์แดง” กลับมาสยายปีกครองแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ในรอบ 30 ปี หลังจากยุคของเขาเคยทำไว้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 1990

จะเห็นได้ว่า เคนนี่ ดัลกลิช คือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสโมสรลิเวอร์พูล และวงการฟุตบอลอังกฤษมายาวนานกว่า 5 ทศวรรษ จากหลากหลายบทบาทที่เคยได้รับ ณ วันนี้ในวัย 70 ปี เขายังมีส่วนเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอล “หงส์แดง” ชุดปัจจุบัน

เรื่องราวของเขาจึงทรงคุณค่า บางบทเหมือนย้อนโลกกลับไปเมื่อวันวานอันแสนคลาสสิคน่าจะคลี่คลายข้อสงสัยในการตัดสินใจของฮีโร่ผู้นี้ รวมทั้งหลายเหตุการณ์ที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยทุกหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงการฟุตบอล”

ไปหาติดตามอ่านกันได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปนะครับ.