ยุค 90’s ดูจะเป็นทศวรรษที่หลายคนโหยหา ตามอารมณ์ที่ฝรั่งเรียกว่า “Nostalgia” เมื่อลองสอบถามคนที่เติบโตในยุค 90’s ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเจเนอเรชัน “เอ็กซ์” และ “วาย” ตอนต้น ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าในห้วงเวลาดังกล่าวคือยุคสมัยที่เพลงเพราะ อาหารอร่อย อิสรภาพทางความคิดอย่างแท้จริง (เพราะไม่มีสื่อโซเชียลมีเดียมาชักนำ) และเหนืออื่นใดแม้จะมีอินเทอร์เน็ตบนโลกใบนี้เพื่อช่วยให้การสื่อสารสะดวกขึ้น แต่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย เป็นช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าในปัจจุบัน ที่สังคมเต็มไปด้วยความคิดเห็นและดราม่า
และด้วยความโหยหาดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันมีการนำเอาสิ่งที่ได้รับความนิยมในยุค 90’s กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ เกม หรือแม้แต่เพลงที่เคยดังในยุคดังกล่าว แบบนี้แล้วเราไปดูกันดีกว่า ว่ายุค 90’s ทำไมถึงยังไม่เลือนไปจากความทรงจำของผู้คน และเพราะเหตุใด สิ่งที่กำเนิดในยุค 90’s ถึงมีอิทธิพลมาถึงปัจจุบัน
ทศวรรษ 90’s คือช่วงเวลาที่การใช้ชีวิตไม่มีความซับซ้อนอะไร
ถ้าย้อนกลับไปดูจากภาพยนตร์หรือเพลงในยุค 90’s ซึ่งเป็นการบอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น เราจะเห็นว่าภาพยนตร์ได้สื่อออกมาถึงสังคมที่ทุกคนจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ยังไม่มีผู้ก่อการร้ายในภาพยนตร์มากนัก แต่จะเป็นหนังประเภทตำรวจคู่หูสู้ตาย
ขณะที่ในยุคดังกล่าว ความงามของชาย-หญิงนั้นเป็นของแท้ และไม่ค่อยมีศัลยกรรม ผู้ชายที่เรือนร่างมีมัดกล้ามแสดงความเป็นชาย ขณะที่ผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามและรูปร่างที่เซ็กซี่ ซึ่งยุคดังกล่าวอาจด้อยค่าผู้หญิงด้วยการให้ความสำคัญกับความงาม แต่ในทางกลับกัน ก็ได้ให้ค่าผู้หญิงที่ได้สร้างความสวยงามให้กับโลกใบนี้
จากค่านิยมดังกล่าว ภาพที่ติดอยู่ในใจของคนหนุ่มสาว หรือเด็กที่โตมาในยุค 90’s คือภาพของความสวยงาม และ การใช้ชีวิตที่ง่ายกว่าปัจจุบัน ซึ่งผู้คนไม่ได้มีสิ่งที่ต้องซื้อ สิ่งที่ต้องขวนขวายเพื่อเอาชนะคนอื่นทั้งในการใช้ชีวิต ทางการศึกษา หรือหน้าที่การงาน ขณะที่การประกอบอาชีพแต่ละประเภทมีความชัดเจนในหน้าที่ ผิดกับปัจจุบันที่คนหนึ่งคนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ความสามารถมากกว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากมหาวิทยาลัย
ทำไมทุกอย่างที่เกิดในยุค 90’s ถึงได้ดีกว่าสิ่งที่เราเจออยู่ในทุกวันนี้
เพราะทุกคนคิดว่ายุค 90’s คือยุคทองของทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ กีฬา เทคโนโลยี ศิลปะ ไปจนถึงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ บนโลกใบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคดังกล่าวล้วนดีทั้งนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะความทรงจำดี ๆ ของคนจากยุค 90’s มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนงานในปัจจุบันส่วนใหญ่จะพยายามเอาสิ่งที่ประสบความสำเร็จในยุค 90’s มาทำใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะศิลปินหรือผู้ผลิตผลงานในยุคนี้ แม้ว่าจะมีอิสระมากกว่าผู้ผลิตผลงานในยุค 90’s แต่พวกเขาก็ติดอยู่กับข้อความแสดงความคิดเห็น การใช้ข้อความที่สร้างความรู้สึกบั่นทอน เป็นการผลิตผลงานที่ต่างไปจากยุค 90’s ที่ทุกคนต่างใช้สัญชาตญาณมากกว่าสถิติหรือวิเคราะห์ข้อมูล งานที่ออกมาจึงมีจิตวิญญาณมากกว่าในปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้นการใช้ชีวิตในยุค 90’s เมื่อเราต้องทำงาน เรียนหนังสือ หรือออกไปเที่ยวกับเพื่อน เราก็จะโฟกัสอยู่กับคนที่เราไปด้วย อยู่กับงานที่เราทำ หรืออยู่กับคลาสที่เราเรียน แต่ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารที่ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ ทำให้สัญชาตญณความเป็นมนุษย์ของเราถูกบั่นทอน
เมื่อไปดูหนังเพื่อนของเราก็อาจจะนั่งเช็กข้อความ เวลาจะกินข้าวเราก็ต้องให้สมาร์ทโฟนได้กินก่อน เวลาไปชมกีฬา เราก็ไม่ชมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านตาของตนเอง แต่กลับชมผ่านกล้องของสมาร์ทโฟน เหล่านี้ก็เพื่อจะได้มีภาพไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย เพื่ออวดตัวเอง เพื่อแสดงอีโก้ของตนเอง เหล่านี้ทำให้ยุค 90’s น่าอยู่กว่าในปัจจุบันมาก
ยุค 90’s คือทศวรรษที่ดีที่สุดและขอบคุณความนิยมของผู้คนในสมัยนั้น
Pop Culture หรือความนิยมของผู้คนในยุค 90’s ที่เติบโตมาพร้อมกับการเรียน เล่น และการทำงานที่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ซึ่งอาศัยอยู่ในสังคมที่มีเทคโนโลยีแบบพอประมาณ เป็นค่านิยมที่ทำให้สังคมน่าอยู่ ผู้คนออกไปเที่ยวทะเล มีความสุขกับการเล่นกีฬาทางน้ำ นั่งดื่มกิน หนุ่มสาวได้แสดงความรักกันอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารที่ทำให้พวกเขาต้องกระวนกระวายใจ ทั้งหมดคือความสุขที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
และด้วยเหตุผลดังกล่าวศิลปิน นักร้อง และนักแสดงในยุค 90’s มักถูกเรียกร้องให้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เพราะคนที่เติบโตในยุคนั้นกลายมาเป็นคนวัย 40+ ในยุคปัจจุบัน หรือแม้แต่เหล่าวัยรุ่นในปัจจุบันที่เมื่อได้กลับไปเห็นสภาพสังคม งานศิลปะ ฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ในยุค 90’s พวกเขาต่างก็ตกหลุมรักโดยง่าย ส่วนหนึ่งเพราะงานเหล่านั้นมีจิตวิญญาณอยู่จริง จิตวิญญาณของความเบิกบาน อิสระที่แท้จริงของผู้คนในยุคดังกล่าว
และทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ยังฝังใจอยู่กับยุค 90’s ยุคทองของงานศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ กีฬา และการใช้ชีวิต หากยุคดังกล่าวได้เกิดและผ่านไปแล้วนานหลายสิบปี จะให้โลกทั้งโลกหันกลับไปเป็นแบบเดิมคงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่ดีที่สุดคือการทำปัจจุบันให้น่าอยู่ด้วยการเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ซึ่งไม่แน่ว่าช่วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาทองของคนในอีกยุคสมัยก็ได้
