“สู้มัน!”

ตั้งแต่ฟุตบอลปิดฤดูกาล ผมหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของการออกกำลังกายได้อย่างไรไม่รู้ตัวเหมือนกันครับ จากที่เคยตั้งข้อสงสัยว่าทำไมคนต้องเสียเงินค่าสมาชิกเพื่อไปเล่นกีฬากันในที่ร่มอย่าง ฟิตเนส ต่างๆที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดทั่วกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายด้วยสภาพร่างกายที่เริ่มออกอาการเสื่อมถอย เช่น ไม่สบายแพ้อากาศบ่อย เหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้น ไม่สดใส พาลจะกลายเป็นตัวดึงให้สภาพจิตใจและการทำงานย่ำแย่ไปด้วย ในที่สุดผมเลยต้องตัดสินใจปฏิวัติตัวเองก่อนจะสาย ด้วยการเดินหน้าเข้าหาฟิตเนสและจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว

วันนี้ก็เลยมาแชร์ประสบการณ์เผื่อใครจะนำไปใช้แล้วได้ประโยชน์บ้าง หลักการเลือกสถานที่ออกกำลังของผมนั้นง่ายๆ คือเอาตรงจุดที่ดูดีและอยู่ใกล้ออฟฟิศที่สุดล่ะครับ จะได้ไม่มีข้ออ้างกับตัวเองอีกว่าไปยาก รถติด ไม่มีเวลา

หลังจากนั้นผมเริ่มโปรแกรมการออกกำลัง จนถึงตอนนี้ประมาณหนึ่งเดือนเห็นจะได้ ตอนแรกก็สงสัยว่าตัวเองจะไหวรึเปล่า อายุอานามถ้าภาษาข่าวเขาเรียก “หนุ่มใหญ่” วัยกลางคนเข้าไปแล้ว 555 แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ใช้ความคิดมากนัก ใช้การกระทำนำหน้าเลยดีกว่า

เมื่อเริ่มโปรแกรม ผมพบความสะดวกและประโยชน์ของการออกกับ PT หรือ Personal Trainer อยู่หลายอย่างครับ

1. มีคนช่วยวางแผนในการออกกำลัง
ไล่ไปตั้งแต่ความยากง่าย เบาหนักไปจนถึง สร้างความสะดวกให้กับเราเป็นอย่างมากไม่ต้องไปคิดเองเออเองว่า ควรจะฝึกอย่างไร ทำงานมาทั้งวันจบแล้วหลายคนคงไม่อยากคิดอะไรต่ออีกแล้วถ้าไม่จำเป็น

2. ช่วยดูแลให้ถูกท่าและไม่ได้รับการบาดเจ็บ
ข้อนี้มีความจำเป็นเพราะคงไม่มีใครอยากบาดเจ็บ หรือเสียเวลาไปกับการใช้ท่าผิดๆในการบริหารร่างกายตัวเอง

3. เติมแนวคิดด้านบวกให้กับลูกศิษย์
อันนี้สำคัญมากถึงมากที่สุด เป็นเรื่องจิตวิทยาที่เทรนเนอร์ดีๆสามารถแปรเปลี่ยนความคิดด้านลบ เช่น ความท้อถอย ความไม่อดทนของตัวเราออกจากตัวเราได้

แค่คำสั้นๆว่า “สู้มัน” ในระหว่างที่เรากำลังเหนื่อยกำลังยุบ ก็สร้างแรงฮึดมหาศาล คือถ้าใจเราสู้ทุกอย่างมันทำได้หมด

“การนับ” ก็น่าสนใจ เวลาฝึกเราจะนับถอยหลัง อาทิ 1 ถึง 15 พอทำไปถึงถึง 10 บางทีครูฝึกเขาเห็นเราเหนื่อยก็จะนับตั้งต้น 1ใหม่บอกเหลือแค่ 5 เท่านั้น ทำให้เรามีแรงใจสู้ต่อ ทั้งๆที่สุดท้ายต้องทำถึง 15 เท่ากัน

ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าร่างกายตัวเองฟิตขึ้นมามากพอสมควร แม้น้ำหนักจะลดไปเพียง 2 กิโลกรัม เพราะยังไม่ค่อยระมัดระวังกายกินมากเท่าไหร่555 ก็ขอเชิญชวนให้พวกเรามาออกกำลังกันครับ ประโยคที่เขาว่ากันไว้ “กีฬาคือยาวิเศษ” มันถูกต้องและชัดเจน

ถ้าพวกเราช่วยกันรักษาสุขภาพไว้นอกจากจะทำให้ชีวิตตัวเองดี ก็จะช่วยลดภาระให้ประเทศชาติและบุคลากรอย่างแพทย์พยาบาลซึ่งทุกวันนี้น่าเห็นใจมากเพราะงานล้นมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาลรัฐรักษาคนไข้กันวันละเกือบร้อยคน เอาแค่เหตุฉุกเฉินเจ็บจากมอเตอร์ไซค์ล้มก็ไม่รู้วันละเท่าไหร่แล้ว.