ดีลของ “โด้”

ตลาดซื้อขายนักเตะเที่ยวนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์เกินคาดจริง ๆ นะครับ ใครเลยจะไปคิดว่าซูเปอร์สตาร์อย่าง ลีโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะตัดสินใจย้ายทีมในเวลาไล่เลี่ยกัน ลองนึกดูว่าถ้าโค้งสุดท้าย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เซ็นกับทีมใหม่อีกคนมันจะสุดขนาดไหน

ก่อนหน้านี้หลายคนคาดการณ์ว่านี่จะเป็นวินโดว์ที่เงียบเหงา เพราะพิษโควิดและเศรษฐกิจอันฝืดเคือง ที่ไหนได้กลับซื้อขายกันโครม ๆ แถมมีนักเตะระดับ 100 ล้านปอนด์อย่าง แจ็ค กรีลิช ย้ายไปอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” เสียด้วยซ้ำ

สำหรับดีลระดับโลกซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นคือการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายกลับรังเก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความยินดีปรีดาให้แฟนบอล “ปิศาจแดง” ยิ่งนัก

ความรู้สึกคงจะคล้าย ๆ กับตอนที่ ร็อบบี้ ฟาวเล่อร์ ได้คืนถิ่นแอนฟิลด์ในยุคของ ราฟา เบนิเตซ ซึ่งทำให้ “แฟนหงส์” ปลื้มปริ่มเช่นเดียวกัน อาจจะแตกต่างกันนิดตรงที่ โรนัลโด้ มาเป็นตัวหลัก แต่เจ้า “ก็อด” ตอนนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเสริม

ดีลของ “โด้” ถือว่าสุดยอดเพราะดูจะวินกันทุกฝ่าย ต้นสังกัดเก่า ยูเว่ ได้ลดเพดานค่าเหนื่อยนักเตะลงเนื่องจากสภาพการเงินไม่ค่อยดีนัก แถมยังได้ค่าตัวคืนไปอีกเล็กน้อย

ยิ่งไปกว่านั้น แม็กซ์ อัลเลกรี คงคิดถึงการลดอายุเฉลี่ยของทีมลงไปด้วย เนื่องจากตัวหลักที่มีอยู่อายุย่างเลข 3 กันหลายคน ลีโอนาร์โด้ โบนุชี่ (34 ปี) จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (37 ปี) ฮวน กวาดราโด้ (33 ปี) อาร่อน แรมซีย์ (31 ปี) สโมสรเลยทยอยปล่อยผู้เล่นอาวุโสออกไปอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน และซีอาร์ 7

ทางฝั่งทีมที่ลงทุนควักเงินอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นการเติมกองหน้าตัวซัลโวประตูซึ่งพวกเขาขาดอยู่ แถมได้นักเตะขวัญใจแฟนบอลกลับมาด้วย ยอดขายเสื้อและสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับ “โด้” คงขายกันแบบเมกะสโตร์แทบแตก จนกว่าอายุงานของเขาจะหมดไป ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็คงได้อีกสองปีเป็นอย่างต่ำ

ส่วนตัวโรนัลโด้เอง ต้องการแรงกระตุ้นจุดไฟในการเล่นของตัวเองให้กลับมาอีกครั้งหนึ่งหลัง ความล้มเหลวของทีม “ม้าลาย” และความผิดหวังกับทีมชาติโปรตุเกสในศึกยูโรฯ ที่ผ่านมาคงบั่นทอนความรู้สึกในการเล่นบอลของเขาลงไปมาก

อะไรจะจุดไฟซูเปอร์ฮีโร่โปรตุกิสผู้นี้ได้ดีไปกว่าการกลับมาเล่นท่ามกลางแฟนบอลที่คลั่งไคล้เขาอย่างหัวปักหัวปำ แถมบนเวทีระดับท็อปอย่างพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

อีกมุมหนึ่งมันจะเป็นเหมือนบททดสอบสภาพร่างกายที่ว่าแกร่งนักแกร่งหนาของเขา ว่ายังเจ๋งอยู่จริงหรือไม่

นับจากวันแรกที่ “โด้” เริ่มซอยเท้ายิก ๆ ในรังโอลด์ แทร์ฟฟอร์ด โดยลูกฟุตบอลไม่ไปไหน ตอนผมยังเริ่มพากย์บอลใหม่ ๆ ยังจำได้ หลายคนถามว่ามึงจะสับไปถึงไหน ลูกบอลก็ยังอยู่ที่เดิม ไอ้ห่านจิก

จนมาถึงวันนี้เส้นทางของเขายาวไกลและประสบความสำเร็จเกินกว่าใครจะคาดคิด มันมาจากจุดกำเนิดซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเขา สุดท้ายเส้นทางนั้นวนกลับมาบรรจบที่เดิม ณ รังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อะไรมันจะคลาสสิก ไปกว่านี้

แค่ได้เห็นสายตาของ “เฟอร์กี้” เพ่งมองอดีตเด็กที่เขาปั้นมากับมือในโรงละครแห่งความฝันอีกครั้งในฐานะซูเปอร์สตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ มันก็คุ้มเกินคุ้มสำหรับแฟนแมนฯ ยูแล้ว.