แม้ว่าการทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ Work from Home จะดีต่อคนทำงานในหลายสาขาอาชีพ แต่ใช่ว่าจะเวิร์กกับทุกคน โดยเฉพาะกับคู่รักหรือสามีภรรยาที่ต้องอยู่บ้านด้วยกันทั้งวัน เพราะนั่นหมายความว่าโอกาสที่จะกระทบกระทั่งกันก็มากขึ้นตามไปด้วย
ในการใช้ชิวิตคู่ร่วมกันนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้ความรักยืนยาวได้คือ “ระยะห่าง” ซึ่งมีคู่แต่งงานหลายคู่ที่ต้องจบความสัมพันธ์ด้วยการ “หย่าร้าง” ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าพวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่มีพื้นที่ส่วนตัว หรือเวลาส่วนตัวมากพอ
จากผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า The Early Years of Marriage Project ซึ่งใช้เวลาติดตามชีวิตแต่งงานจำนวน 373 คู่ เป็นเวลากว่า 25 ปี พบว่ามีถึง 46 เปอร์เซ็นต์ที่เตียงหักและต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง และในจำนวนนั้นมีถึง 29 เปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่าปัญหาใหญ่ของความสัมพันธ์ คือระยะห่างระหว่างกันนั่นเอง
แต่เมื่อต้อง Work from Home ด้วยกันทั้งคู่ ทำให้คู่สามีภรรยา หรือคู่รักที่อยู่บ้านเดียวกัน ต้องเห็นหน้าค่าตากันตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นเช้าไปจนกระทั่งเข้านอน ซึ่งอาจทำให้หลายคู่รู้สึกอึดอัด ไม่เป็นส่วนตัว หรือบางคู่อาจหนักถึงขั้นมีปากเสียงกันได้
หากไม่อยากให้รักสั่นคลอนเพราะอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าระยะห่างที่เหมาะสมช่วยประคองความรักของทั้งคู่ได้ และนี่คือวิธีการที่จะช่วยให้คู่รักยังอินเลิฟต่อกันได้ เพราะต่างฝ่ายยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวไม่ต่างจากเดิม
แบ่งพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน
แม้อยู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานด้วยกัน เพราะจะเป็นการรบกวนสมาธิการทำงานซึ่งกันและกันเปล่า ๆ อีกทั้งยังทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัวด้วย ดังนั้น จึงควรแบ่งพื้นที่ทำงานของทั้งคู่ให้ชัดเจนไปเลยว่ามุมทำงานหรือโต๊ะทำงานของตนเองจะอยู่ตรงไหน เพื่อช่วยให้จดจ่อกับการทำงานได้อย่างเต็มที่
ร่วมโต๊ะด้วยกันเฉพาะมื้ออาหาร
เพื่อให้การดำเนินชีวิตประจำวันไม่ต่างจากการนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ทั้งคู่ควรทำข้อตกลงกันให้ชัดเจนไปเลยว่าจะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้น แต่การ Work from Home ก็อาจจะพิเศษขึ้นมาหน่อย เมื่อมีมื้อกลางวันเพิ่มขึ้นมาให้ได้นั่งรับประทานอาหารร่วมกันอีก 1 มื้อ ซึ่งถือเป็นการใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน
หาเวลาพักจากงานพร้อมกัน
เมื่อต่างฝ่ายต่างคร่ำเคร่งกับการทำงานด้วยกันทั้งคู่ ก็จำเป็นต้องมีเวลาพักยืดเส้นยืดสายในระหว่างวันด้วยเช่นกัน ซึ่งการได้พักสมองสัก 10-15 นาที จะช่วยชาร์จพลังและเพิ่มความ Productive ให้กับตัวเองได้
หากเป็นไปได้ทั้งคู่ควรหาเวลาพักเบรกจากงานไปพร้อม ๆ กัน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่หรือหงุดหงิดใจที่เห็นคู่ของตัวเองเดินไปชงกาแฟ หรือนั่งกินของว่างอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่ตนเองยังต้องนั่งทำงานอยู่ แต่ถ้าว่างไม่ตรงกันจริง ๆ การเตรียมของว่างหรือเครื่องดื่มไว้ให้ ก็เป็นสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่ายได้เช่นกัน
มีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน
นอกจากการกำหนดมุมทำงานแบบไม่รบกวนกันแล้ว ในบ้านก็ควรจะมีมุมพักผ่อนหย่อนใจที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางด้วย เพื่อใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมสนุก ๆ ด้วยกัน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ควรสงวนไว้สำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลายให้กับทั้งคู่หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน
เดินออกกำลังกายด้วยกัน
เมื่อต้องทำงานใช้สมองมาทั้งวัน ย่อมต้องรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา แต่การทำงานอยู่ที่บ้านทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป-กลับที่ทำงาน จึงมีเวลาที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ซึ่งการชวนคู่ของตัวเองมาเดินออกกำลังกายด้วยกันยามเย็นถือเป็นการใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและไม่ปล่อยให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากจะดีต่อสุขภาพของทั้งคู่แล้ว ก็ยังช่วยลดความตึงเครียดจากการทำงานได้เป็นอย่างดีด้วย
อ้างอิงข้อมูล : smh.com.au