ครั้งหนึ่งในรั้ว “รร.ดังย่านพระราม 6”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กชายคนหนึ่งที่พลาดหวังจากการจับสลากเข้าเรียนม.1 ในเขตพื้นที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ชั่งใจในช่วงเช้าวันสอบคัดเลือก ว่าจะไปสอบที่โรงเรียนใด ระหว่าง บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กับสามเสนวิทยาลัย ซึ่งสุดท้ายเด็กคนนั้นตัดสินใจไปสอบที่ร.ร.ดังย่านถนนพระรามที่ 6 ก่อนที่จากนั้นจะใช้เวลา 6 ปีเต็มกับการใส่กางเกงสีกากีไปเรียนด้วยความภาคภูมิใจ

จากนักเรียนที่สอบติดห้องคิงตอนเข้า ม.1 เมื่อถึงเวลาจัดเรียงคะแนนใหม่ตอนขึ้น ม.3 ต้องหลุดโผไปอยู่ห้องธรรมดา และเมื่อเข้าสู่ช่วง ม.ปลาย ในยุคที่โรงเรียนส่งเสริมการศึกษา มีนักเรียนคว้าเหรียญรางวัลในระดับโอลิมปิกวิชาการแบบรุ่นต่อรุ่น เด็กคนนี้กลับไปไม่เป็น เมื่อเจอข้อสอบ ทั้ง เคมี-ชีวฯ และฟิสิกส์ และมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในคลาส ไปกับการนั่งวางแผนการเล่นฟุตบอล ส่วนช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน ช่วงพักกลางวันก็เฮโลกันไปเตะบอลในสนาม

มาถึงบรรทัดนี้ ไอ้เจ้าเด็กคนนั้น ก็ไม่ใช่ใครครับ มันคือกระผมเอง ในตอนนั้นผมยังจำได้ว่า การเตะฟุตบอลที่โรงเรียน นักเรียนทุกชั้นจะมะรุมมะตุ้มกันที่สนามฟุตบอล แบ่งทีมเตะกันไป วิ่งชนกันไปบ้าง ในสนามเดียวกันมีเตะกันร่วม 10 คู่พร้อมๆกัน จนสนามหญ้ากลายเป็นสนามฝุ่น ส่วนบางคนก็เอาบอลมาตั้ง เอาแต่ยิงไกลมันลูกเดียว

คิดถึงชีวิตวัยทีนแล้วมันช่างมีความสุขเสียเหลือเกินครับ แต่ความสุขเหล่านั้นกำลังถูกบั่นทอนจากข่าวไม่สู้ดีที่เชื่อมโยงถึงสถาบันแห่งนี้ นั่นก็คือข่าว “คลิปแป๊ะเจี๊ยะ” ระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียน กับคู่กรณีที่บันทึกคลิปก่อนจะปล่อยออกมาในโลกออนไลน์ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอบทสรุปกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่พูดได้ คือผมยังรักโรงเรียนแห่งนี้ และโรงเรียนแห่งนี้ยังต้องเดินหน้าต่อไป

อย่างไรก็ดี หากพูดถึงคำว่า “แป๊ะเจี๊ยะ” ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาจีนแต้จิ๋วที่แปลว่า เงินกินเปล่า หรือเงินใต้โต๊ะนั้น เชื่อว่าทุกคนเมื่อได้ยินคำนี้คงต้องนึกถึงการจ่ายเงินเพื่อให้ลูกหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ซึ่งเราต้องไม่หลอกตัวเองว่า มันมีมายาวนานแล้วในระบบการศึกษาไทย เพียงแค่ที่ผ่านมาไม่มีใครอัดคลิปมาแฉเท่านั้นเอง

ขณะเดียวกันหากจะไปไล่ดูข่าวในช่วงที่ผ่านๆมา ก็ต้องบอกว่ามีเรื่องทำนองนี้ในทุกๆวงการครับ อาทิ ข่าวซื้อตำแหน่งในวงการตำรวจ ข่าวเส้นสายในแวดวงกองทัพ ข่าวการซื้อกรรมการในวงการฟุตบอล ข่าวทุจริตยาและเครื่องมือแพทย์ แม้กระทั่งวงการศาสนา พระสงฆ์ที่ถือศีล 227 ข้อ ยังมีข่าวในเชิงทุจริตออกมาให้เห็น

สุดท้ายกรณี “รร.ดังย่านพระราม 6” ผมขอฟันธงเล่นๆว่า ทางการจะออกมาย้ำให้โรงเรียนพัฒนาศักยภาพให้ได้ใกล้เคียงกัน เพื่อผู้ปกครองจะไม่ต้องมาวิ่งเต้นให้ลูกได้เรียนสถาบันที่มีชื่อเสียง ทว่าดูแล้วมันคงเป็นความพยายามที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เพราะเหตุผลที่แท้จริงของหัวอกคนเป็นพ่อ-แม่ อาจไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง แต่เพียงแค่ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกเท่านั้นเองครับ