ดีกว่ามั้ย ถ้า“Stop Cyberbullying Day”ไม่ได้มีวันเดียว!

ภาพจาก www.cybersmile.org

ทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนจริง หรือให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์มากกว่าการใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

แม้ว่าอินเตอร์เน็ตจะย่อโลกให้แคบลง และทำให้ทุกคนรู้จักกันได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าค่าตา แต่ในทางกลับกัน ก็เป็นช่องทางที่ทำให้เกิด Cyber bullying หรือการทำร้ายคุกคามกันผ่านโลกออนไลน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จากสถิติของเว็บไซต์ nobullying.com พบว่า เหยื่อของการโดนกลั่นแกล้งมักเป็นวัยรุ่นมากถึง 52 เปอร์เซ็นต์ และ 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ถูกคุกคามบนโลกไซเบอร์ มักจะถูกกระทำซ้ำ ขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ Cyber bullying ไม่กล้าบอกกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองของตัวเอง

แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือ 95 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่เห็นว่ามี  Cyber bullying กับผู้อื่นในโซเชียลมีเดีย กลับแสดงความชอบใจด้วยการกดไลก์ หรือไม่ก็เพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าว  โดยหารู้ไม่ว่าเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งกำลังถูกทำร้ายสภาพจิตใจอย่างรุนแรง และมีจำนวนไม่น้อยที่ยอมรับว่าเคยคิดฆ่าตัวตาย

Cyber bullying  จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความใส่ใจมากขึ้น  และกำหนดให้ทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน เป็นวัน “Stop Cyberbullying Day”  ซึ่งปีนี้ ตรงกับวันที่ 16 มิถุนายน  เพื่อรณรงค์ให้หยุดการทำร้ายกันบนโลกออนไลน์

วันดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมูลนิธิ Cybersmile Foundation  องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา ที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และเริ่มรณรงค์ให้หยุดใช้สื่อสังคมออนไลน์ทำร้ายผู้อื่นมาตั้งแต่ปี 2010

พร้อมกันนี้ ยังมี “กฎทอง” ในการรับมือเมื่อถูกคุกคามกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์สำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อด้วย คือ 1.อย่าตอบโต้ เพราะจะเข้าทางคนเหล่านั้น  2.บันทึกหลักฐานไว้ทั้งหมด เพื่อใช้ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น  3.บอกคนที่ไว้ใจได้ อย่าเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว 4.อย่าส่งข้อความต่อให้ใคร และ 5.บล็อกข้อความหรือรายงานผู้ดูแลเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อให้เข้ามาจัดการในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม การรับมือกับคนที่คุกคามนั้น ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเสียมากกว่า เพราะตราบใดที่ยังไม่หยุดการกระทำที่เรียกว่า Cyber bullying ก็คงต้องรณรงค์อย่างนี้เรื่อยไปในทุกปี!