5 เรื่องที่ไม่ควรนำมาเล่นมุก “วันเมษาหน้าโง่”

เป็นที่รู้กันว่าวันที่ 1 เมษายนของทุกปี รู้จักกันในนาม “April Fool’s Day” หรือ “วันเมษาหน้าโง่” เป็นวันที่คนทั่วโลกนิยมเล่นมุกตลก กุเรื่องโกหก หรือหลอกลวงเพื่อนหรือคนสนิทในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งการโกหกที่ว่านี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองของหลาย ๆ ประเทศทางฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะในแคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย บราซิล และสหรัฐอเมริกา นิยมเล่นกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 แล้ว

ถึงแม้ว่าการเฉลิมฉลองนี้จะเป็นการละเล่นสนุกสนานที่นิยมในโลกตะวันตก และไม่ใช่วันสำคัญในวัฒนธรรมไทย แต่ธรรมชาติของคนไทยมักจะสนุกสนานกับทุกประเพณี ทุกวัฒนธรรมจากทุกที่บนโลกอยู่แล้ว คนไทยจึงรับเอาวัฒนธรรมนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทุกวันที่ 1 เมษายน จึงได้สรรหาเอาเรื่องโกหกมาเล่นกันอย่างแพร่หลาย

ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าทุกเรื่องจะสมควรนำมากุเป็นเรื่องโกหก จะโกหกอะไรก็โกหกไป แต่ควรละเว้น 5 เรื่องนี้ไว้ อย่าหาเอามาเล่นมุกในวันเมษาหน้าโง่นี้ (หรือในทุก ๆ ปี)

1. ติด COVID-19

เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2019 ที่ชาวโลกได้รู้จักกับ COVID-19 แล้วเราก็อยู่กับมันมาตลอดปี 2020 ปัจจุบันในปี 2021 เราก็ยังอยู่กับ COVID-19 อีกเหมือนเคย เพราะฉะนั้น คนทั้งโลกเขาเดือดร้อนเพราะโรคระบาดที่ว่านี่กันทั้งนั้น หลายคนต้องต่อสู้กับโรคนี้ หลายครอบครัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แถมยังเป็นเรื่องเลวร้ายของคนทั่วโลกด้วยจึงไม่สมควรที่จะนำเรื่องนี้จะมาสร้างเป็นเรื่องโกหก สร้างความปั่นป่วน วิตกกังวล ตื่นตระหนกให้กับชาวโลก

ในปี 2020 ศบค. จึงต้องออกมาเตือนพวกไม่รู้กาลเทศะ ว่าอย่าเล่นโพสต์หรือแชร์ข่าวปลอมเกี่ยวกับ COVID-19 เด็ดขาด ถ้ายังฝ่าฝืนเล่นจะมีความผิดตามพ.ร.บ. คอมฯ มีโทษหนักจำคุก 5 ปี และปรับถึง 1 แสนบาท แถมด้วยความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเลยทีเดียว ฉะนั้น อย่าได้หาโกหกเรื่องโรคนี้ ถ้ายังอยากมีชีวิตอิสรภาพ

2. ที่รัก ฉันท้อง/แท้ง

เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ถือเป็นเรื่องที่หนักหน่วงและรุนแรงพอสมควร ที่ไม่สมควรเอามาโกหกเป็นอย่างยิ่ง เพราะการโกหกเรื่องความเป็นความตายไม่ใช่เรื่องตลกและอย่าพยายามทำให้เป็นเรื่องสนุก พ่อบ้านหลายคนรอข่าวดีการตั้งครรภ์ของภรรยามานาน โกหกแบบนี้ทำสามีดีใจเก้อ ลูกที่เขารอสุดท้ายก็ไม่มา เฉลยแล้วก็เสียความรู้สึกอยู่ดี หรือบางครอบครัวตั้งใจคุมกำเนิดกันสุดฤทธิ์ พอมาโกหกว่าท้องก็ทำเอาอีกฝ่ายช็อกได้ง่าย ๆ ในหัวมีแต่คำว่าจะทำยังไงดี จะเลี้ยงยังไง ตอนเฉลยถึงจะโล่งอก แต่ความเชื่อใจมันติดลบ ดีไม่ดีทะเลาะกันบ้านแตกอีก

3. แพ้วัคซีน

เป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากในช่วงเวลานี้ อ่อนไหวพอ ๆ กับการที่คุณพูดคำว่าระเบิดบนเครื่องบินนั่นแหละ เพราะการระบาดของ COVID-19 ที่กินเวลามานานแล้วนี้ ทำให้วัคซีนเป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติ ที่จะช่วยให้เรากลับมาใช้ชีวิตกันแบบปกติได้เร็วที่สุด (อย่างน้อยก็ดีกว่ารอให้การระบาดมันจบไปเอง)

ความระแวงและหวาดกลัว เริ่มมาจากการผลิตวัคซีนในครั้งนี้มันเร่งรัดไปหลายขั้นตอน การทดสอบประสิทธิภาพก็แข่งกับเวลา ความไม่เชื่อมั่นวัคซีนเป็นทุนเดิม และข่าวการเสียชีวิตของคนหลังฉีดวัคซีน (ทั้งที่ยังไม่มีผลวิจัยที่แน่ชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการฉีดวัคซีน) พอพวก Anti Vaxxer เต้าข่าวปั่นหัวคนอื่นเรื่องผลข้างเคียงหรืออาการแพ้วัคซีนรุนแรง ยิ่งทำให้คนวิตกกังวลกันเข้าไปอีก คนก็ไม่กล้าฉีดวัคซีน แม้จะมีหน่วยงานสาธารณสุขออกมารับรองความปลอดถัย แต่คนที่ลังเลก็ยากจะเชื่อสนิทใจ ถ้าอยากกลับมาใช้ชีวิตกันปกติเร็ว ๆ ก็อย่าหาเรื่องป่วนโลกแบบนี้

4. โดนแฮ็กข้อมูล

เป็นอีกประเด็นที่เป็นเรื่องร้ายแรงในสมัยนี้ เพราะเราเอาชีวิตเกือบทุกอย่างไปผูกโยงบนโลกออนไลน์ ทั้งที่เราก็รู้อยู่ว่ามันไม่ได้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เงื่อนไขสังคมกำหนดให้ใช้อะไรแบบนี้ มันสะดวกสบายกว่า ดังนั้น การจะออกมากุเรื่องว่าเว็บไซต์โดนแฮ็ก หรือว่าข้อมูลส่วนตัวที่ลงไว้กับเว็บนั้นเว็บนี้หลุด หรือได้รับอีเมล (ปลอม) จากแฮ็กเกอร์เรียกค่าไถ่ก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง นอกจากสร้างความตื่นตระหนกแล้ว ยังทำให้คนไม่มั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยในโลกออนไลน์ด้วย เรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตอย่างนี้ อย่าได้หาทำ

5. ปั้นเรื่องทิพย์

ระลึกไว้เสมอว่าไม่ใช่แค่คนอื่นเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่พวกปั้นน้ำเป็นตัวก็ต้องระวังว่าจะเข้าไปนอนในคุกด้วย ดังเช่นข่าวดาราสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินหน้าฟ้องร้องคนกุข่าวที่ทำให้ตัวเองและแฟนหนุ่มเสียหาย การผสมโรงมโนเป็นเหยื่อการบูลลี่ของนักแสดงในเกาหลีใต้ คนที่ออกมาให้ข่าวเกินจริงก็กำลังถูกต้นสังกัดของนักแสดงตามปิดบัญชีอยู่ ต้องออกมาเขียนจดหมายขอโทษ รวมถึงพวกที่สั่งอาหารเดลิเวอรี่แล้วเท ก็ไม่น่ารักเช่นกัน

กรณีแบบนี้ถ้าเป็นในบ้านเราก็จะอ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ก็หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ชื่อเสียงและภาพลักษณ์คนคนนั้นเสียไปแล้ว มันคือการทำลายชีวิตของเขาถ้าไม่ใช่เรื่องจริง

ข่าวเลวร้ายเมื่อไม่นานที่ผ่านมาเกิดที่ประเทศฝรั่งเศส ที่มีครูชาวฝรั่งเศส นายซามูเอล ปาตี ถูกฆ่าตัดหัวอย่างโหดเหี้ยม เพราะนักเรียนหญิงในชั้นเรียนกุเรื่องว่าครูผู้นี้ได้นำภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมเหม็ดเข้ามาสอนในห้องเรียน และไล่นักเรียนมุสลิมออกจากห้องเรียน เห็นไหมว่าการโกหกของเด็กเพียงคนเดียว ทำให้คนคนหนึ่งถูกฆ่าตัดคอตาย

แม้ว่าการโกหกจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ถ้าเป็นเทศกาลที่ละเว้นไว้ให้เล่นเพื่อความสนุกนี้ก็พอจะเข้าใจได้ ถึงกระนั้น สิ่งที่ต้องระวังให้มากก็คือ หัวใจของการโกหกในวัน April Fool’s Day คือความตลก เล่นสนุกสนานได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น และต้องไม่เกี่ยวกับความเป็นความตาย อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะความพิเรนทร์ของตัวเอง