ร่างกายของคุณมีประโยชน์ ทั้งตอนมีชีวิตและไร้ลมหายใจ

คนเราเกิดมา สิ่งที่เรายังพิสูจน์กันไม่ได้ก็คือ ชาติที่แล้วมีจริงไหม หรือชาติหน้าจะมีหรือเปล่า แต่สิ่งที่รู้แน่ ๆ ก็คือ ชาตินี้มีอยู่จริง ซึ่งถ้าหากเสียชีวิตไปแล้วก็ถือว่าจบไป แต่การตายของเราจะมีประโยชน์ต่อคนอีกมากมายนับไม่ถ้วน หากลองวางแผนจัดการร่างกายให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ด้วยการบริจาคร่างกาย บริจาคอวัยวะ รวมถึงบริจาคเลือด

การบริจาคร่างกาย

คือการอุทิศรางกายให้นักศึกษาแพทย์ใช้ศึกษา ที่เรียกกันว่า “อาจารย์ใหญ่” นั่นเอง โดยผู้ที่จะบริจาคร่างกายได้จะต้องเสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ และมีอวัยวะอยู่ครบ หลังการศึกษา 2 ปี ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลที่บริจาคไว้จะประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลให้ ซึ่งหลังจากเสียชีวิต ญาติจะต้องแจ้งให้คณะแพทยศาสตร์ไปรับร่างภายใน 24 ชั่วโมง

จุดประสงค์ของการบริจาคร่างกาย ก็เพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ปรารถนาที่จะให้ร่างกายที่หมดลมหายใจแล้วเป็นอาจารย์ในการศึกษา สร้างประโยชน์เพื่อการศึกษา การวิจัย และการรักษาทางการแพทย์ ดังนี้

  • เพื่อการศึกษากายวิภาคศาสตร์ของนิสิต นักศึกษาแพทย์
  • เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่าง ๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
  • เพื่อการศึกษาของนักศึกษาด้านการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุขอื่น ๆ
  • เพื่อเก็บเนื้อเยื่อบางส่วนสำหรับการรักษาทางการแพทย์
  • เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางฝึกผ่าตัด
  • เพื่อเก็บโครงกระดูกเพื่อการศึกษา

การบริจาคอวัยวะ

จริง ๆ แล้วการบริจาคอวัยวะไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคมไทย แต่การรับรู้บางอย่างยังคาดเคลื่อน โดยเฉพาะความเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เกี่ยวกับอวัยวะที่อยู่ไม่ครบของผู้เสียชีวิตและความเชื่อในโลกหน้า

การบริจาคอวัยวะ คือการมอบอวัยวะ เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยอื่นที่อวัยวะนั้น ๆ ไม่สามารถใช้การได้ โดยผู้บริจาคจะต้องเสียชีวิตจากภาวะสมองตายเท่านั้น (ยกเว้น ไต 1 ข้าง, ตับ, ไขกระดูก ที่สามารถบริจาคได้ตอนยังมีชีวิตอยู่) หลังจากผ่าตัดนำอวัยวะไปให้ผู้ป่วยที่ได้รับบริจาค แพทย์จะตกแต่งร่างกายของผู้บริจาคแล้วมอบให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

แล้วรู้ไหม? หากคุณจะเป็นผู้บริจาคอวัยวะ คุณเพียงคนเดียว สามารถช่วยชีวิตผู้อื่นได้มากถึง 8 ราย ด้วยอวัยวะ 8 ชิ้น ได้แก่ หัวใจ ปอดซ้าย ปอดขวา ตับ ตับอ่อน ลำไส้เล็ก ไตซ้าย และไตขวา นอกจากนี้ยังมีเนื้อเยื่อที่สามารถนำไปปลูกถ่ายให้กับผู้อื่นได้อีก ได้แก่ ลิ้นหัวใจ หลอดเลือด ผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น และกระจกตา

ในประเทศไทย จะรับอวัยวะของผู้บริจาคไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยได้เพียง 2 กรณีเท่านั้น คือ การรับบริจาคจากผู้ที่สมองตายแล้ว (ตามกฎหมายและทางการแพทย์) และจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ตามข้อบังคับของแพทยสภา จะต้องเป็นญาติโดยสายโลหิต หรือสามีภรรยา

การบริจาคเลือด

เป็นการทำทานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเช่นเดียวกันกับการบริจาคอวัยวะ เพียงแต่การบริจาคเลือดเป็นการช่วยเหลือในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เพราะเลือด เป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญมากในการใช้รักษาผู้ป่วย หากมีไม่เพียงพอ ก็จำเป็นต้องรับบริจาคเลือดจากคน เพื่อไว้ใช้สำหรับช่วยชีวิตผู้ป่วย

การบริจาคเลือด 1 ถุง เราจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างน้อย 3 ชีวิต โดยเลือด 1 ถุง จะประกอบด้วยพลาสมา เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง

  • เกล็ดเลือด นำไปรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โรคไข้เลือดออก มะเร็งเม็ดเลือดขาว
  • เม็ดเลือดแดง นำไปรักษาผู้ป่วยโรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย) ไขกระดูกฝ่อ ผู้ป่วยที่สูญเสียเลือดจากการ ผ่าตัดหัวใจ อุบัติเหตุ หรือตกเลือดจากการคลอดบุตร
  • พลาสมา นำไปรักษาผู้ที่มีอาการช็อกจากการขาดน้ำ ผลิตเซรุ่มป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์โลหิต 3 ชนิด ได้แก่ แฟกเตอร์ 8 (Factor VIII) รักษา
    โรคฮีโมฟีเลียเอ อิมมูโนโกลบูลิน (IVIG) รักษาโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเอง อัลบูมิน (Albumin) รักษาไฟไหม้น้ำร้อนลวก และโรคตับ

ผู้ที่จะบริจาคอวัยวะ

ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอวัยวะ โดยทั่วไปมีคุณสมบัติดังนี้

  1. อายุไม่เกิน 65 ปี
  2. เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย
  3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
  4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
  5. อวัยวะที่จะบริจาคต้องทำงานได้ดี
  6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
  7. ควรแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะให้บุคคลในครอบครัวหรือญาติรับทราบด้วย เพราะหากเสียชีวิตและสามารถบริจาคอวัยวะได้ ญาติจะต้องเซ็นยินยอมบริจาคอวัยวะเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงจะเป็นผู้แจ้งให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยทราบว่าผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะเสียชีวิตแล้ว ซึ่งถ้าหากญาติไม่ยินยอมที่จะบริจาค จะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นโมฆะ

บริจาคอะไรได้ที่ไหน

การบริจากร่างกาย สามารถแสดงความจำนงได้ที่คณะแพทยศาสตร์ทุกแห่ง (มหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์) ซึ่งแต่ละแห่งมีเกณฑ์การรับอุทิศร่างกายต่างกัน การบริจาคอวัยวะ สามารถแสดงความจำนงบริจาคอวัยวได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดทุกแห่ง หรือที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ส่วนการบริจาคเลือด บริจาคได้ที่ศูนย์บริจาคโลหิตเท่านั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานคร ส่วนต่างจังหวัด สามารถติดต่อบริจาคได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงภาคบริการโลหิตแห่งชาติ และงานบริการโลหิต