สมัยเรียน เป็นปกติที่ครูผู้สอนวิชาใดวิชาหนึ่งจะสอบถามนักเรียนเรื่อง “อาชีพในฝัน” เด็กเล็ก ๆ อย่างเด็กประถม ก็จะมีสารพัดอาชีพโดยที่พวกเขาอาจจะได้แรงบันดาลใจจากโฆษณา ละครต่าง ๆ ที่เห็น โตขึ้นความคิดอาจเปลี่ยน แต่พอเข้าสู่วัยมัธยม เรื่องของอาชีพในฝันจะถูกนำมาพูดอย่างจริงมากขึ้น เพราะมันเกี่ยวโยงไปถึงการวางแผนการเรียน และการสอบเข้าเรียนในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น
ไม่นานมานี้ มีประเด็นดราม่าที่เกี่ยวกับอาชีพในฝันของเด็กคนหนึ่ง จริง ๆ ดราม่านี้มันเริ่มมาจากจุดเล็ก ๆ เมื่อโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพกระดาษใบงานของนักเรียนชั้นมัธยมคนหนึ่ง ในใบงานถามเกี่ยวกับการศึกษาในชั้นที่สูงขึ้นไป คาดว่าน่าจะเป็นใบงานวิชาแนะแนว วิชาที่มีบทบาทในการแนะนำแนวทางการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยให้กับเด็กมัธยม
ช่องหนึ่งของใบงานนี้ ถามถึงคณะที่นักเรียนสนใจเรียน สาขาวิชาเอก และอาชีพที่สนใจตามสาขาวิชาเอกที่เลือกเรียน นักเรียนคนหนึ่งตอบคำถามอาชีพที่สนใจว่าอยากเป็น “ทหารอเมริกา หรือ US Army” แต่สิ่งที่จุดประกายดราม่าอยู่ที่ตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากกาสีแดง บอกให้นักเรียนไปแก้ และบอกว่า “ขอเป็นอาชีพในอนาคตที่มีโอกาสเป็นได้”
แม้ว่าโลกออนไลน์จะไม่รู้ว่าเจ้าของลายมือปากกาสีแดงนั้นเป็นใคร แต่ทัวร์ลงทันที ประการแรก คือคำว่า “มีโอกาสเป็นได้” มันเท่ากับการดูถูกความฝันของเด็ก ทั้งที่หน้าที่ของครู โดยเฉพาะครูแนะแนว คือการแนะนำแนวทางให้เด็กได้ทำในสิ่งที่อยากทำ สนับสนุน และผลักดันให้เป็นไปได้มากที่สุด ประการที่สอง การสั่งให้นักเรียนไปแก้ ก็เท่ากับการดับความฝันและตัดกำลังใจเด็ก ว่าเด็กไม่มีทางที่ทำอาชีพนี้ได้ จงไปแก้ซะ
แต่หลังจากนั้น บรรดารุ่นพี่คนไทยที่ปัจจุบันใช้ชีวิตในฐานะทหารอเมริกันได้ออกมาให้กำลังใจนักเรียนรายนี้ ว่าถ้าฝันอยากเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ก็เป็นได้ ทุกความฝันเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวของเราเอง ขอแค่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ โดยสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าความฝันนี้เป็นไปได้ก็คือ ที่นั่นมีคนไทยเป็นทหารอยู่ในกองทัพสหรัฐฯ มากกว่า 50 นายเลยทีเดียว และที่สำคัญ มีทหารหญิงด้วย
แต่แล้วทำไมล่ะ ทำไมเด็กคนนี้ (หรือใครอีกหลาย ๆ คน) ถึงอยากจะไปเป็นทหารที่สหรัฐอเมริกา
ดูเท่ ดูคูล
เหตุผลอันดับแรก ๆ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือการเป็นทหารนั้นมันดูเท่ ดูคูลในตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ทหารอเมริกันทำให้ความเท่เพิ่มอีกเป็นกอง จะไม่เท่ได้อย่างไรในเมื่อกองทัพสหรัฐฯ เป็นกองทัพที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดในโลก แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพียบพร้อมทั้งงบประมาณทางการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพล มีทหารพร้อมประจำการรบอยู่ราว ๆ 1 ล้าน 2 แสนนาย (จากกำลังทหารทั้งหมด 144 ล้านนาย) ไม่เพียงเท่านั้น ความคูลมันอยู่ที่มีแต่ทหารที่มาจากความสมัครใจล้วน ๆ (ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม) ไม่มีการบังคับ และไม่มีการเสี่ยงดวงเกณฑ์ทหาร แม้จะเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตามที
สวัสดิการดี
สวัสดิการเป็นแรงจูงใจดีเยี่ยม ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนอยากจะเป็นทหารอเมริกัน อย่างแรกคือ มีวันหยุดพักร้อนถึงปีละ 30 วัน (เท่ากับว่าทั้งปีจะหยุดงานได้ราว ๆ เดือนหนึ่ง) ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนวันหยุดที่เยอะมาก ยัง ยังไม่พอ หากไม่อยากใช้โควตาหยุดให้ครบ ก็สามารถเอาวันหยุดที่ไม่ได้ใช้ไปแลกเป็นเงินเดือนได้อีกต่างหาก เอามาใช้ประโยชน์อื่น ๆ ที่มากกว่าการไปพักร้อน
และยังไม่หมด ทหารอเมริกันมีสวัสดิการด้านการศึกษาด้วย คือ ได้ทุนเรียนฟรีระดับมหาวิทยาลัย เรียนจบทำงานใช้ทุน แล้วจะลาออกก็ได้ หรือคนที่จบมหาวิทยาลัยแล้วแต่มีหนี้สินมากมายจากที่เรียน ถ้าเข้าเป็นทหารเลย ทางกองทัพจะใช้หนี้ให้ (มีเพดาน แต่เพดานก็สูงมากเช่นกัน)
เงินเดือนสูง
หากดูตัวเลขของเงินเดือนทหารอเมริกัน เมื่อดูเป็นสกุลเงินดอลลาร์มันอาจจะไม่ได้สูงลิ่วขนาดนั้น แต่เป็นรายได้ที่ดีมากเมื่อคิดเป็นเงินไทย (และเมื่อเทียบกับกองทัพไทย) อยู่ราว ๆ 1 แสนบาท ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับสวัสดิการที่ได้รับด้วยแล้ว ถือว่าดึงดูดมาก ๆ ไม่แปลกที่จะมีคนจำนวนไม่น้อยเต็มใจจะเดินไปสมัครแย่งกันเข้ากองทัพ ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติ
ออกง่าย เกษียณตัวเองเร็ว
ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะเป็นนานแค่ไหน และได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วหรือยัง เพราะทหารอเมริกันหลาย ๆ ก็เป็นกันไม่นานไม่ถึง 10 ปีก็มี สามารถลาออกไปทำงานเอกชน และถ้าเกิดเปลี่ยนใจเมื่อไร อยากจะกลับมาเป็นทหารอีก ก็แค่กลับมาเท่านั้นเอง!
คุณสมบัติไม่ได้ยากเกินความพยายาม
เฟซบุ๊ก พี่นัท US.army & FAMILY’s ของ “จ่าณัฐพล เฉลยเพียร” ตำแหน่ง US Army Recruiter รับราชการทหารสหรัฐฯ มากว่า 16 ปี ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้สรรหาคนไทยไปเป็นทหารสหรัฐฯ ได้แชร์คุณสมบัติและขั้นตอนการสมัครทหารสหรัฐฯ ไว้เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2564 มีรายละเอียดดังนี้
- ต้องถือกรีนการ์ด (บัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ) หรือเป็นพลเมืองสหรัฐฯ
- อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นระยะเวลา 2 ปีขึ้นไป
- มีอายุระหว่าง 17-35 ปี
- จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า (จบจากไทยหรือสหรัฐฯ ก็ได้)
- สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ใช้ภาษาไทยได้ดีมาก หากสื่อสารภาษาอื่นได้ จะได้เงินค่าภาษาด้วย
- ไม่มีโรคประจำตัว
- ทำสอบ pre-test วัดความรู้
- สอบจริง
- หลังสอบผ่าน ทำเอกสาร เลือกสายงานงาน (ขึ้นอยู่กับสถานะพลเมืองของผู้สมัคร)
- ตรวจสุขภาพ
- เซ็นสัญญา ระยะเวลาตั้งแต่ 2 – 8 ปีขึ้นไป
จะเห็นว่า การจูงใจให้คนเป็นทหารของสหรัฐฯ นั้น คือเรื่องของ “ผลประโยชน์” ล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุดมการณ์รักชาติอะไรทั้งสิ้น แต่สามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ เพราะทหารก็เป็นแค่อาชีพอาชีพหนึ่งที่ไม่ได้ต่างจากอาชีพอื่น เกียรติของงานอื่นก็เหมือนกับเกียรติของทหาร ไม่ได้ปลูกฝังให้เป็นงานเสียสละ และผลตอบแทนก็ได้รับอย่างสมน้ำสมเนื้อที่ลงทุนลงแรงไป
เพราะฉะนั้น แม้กองทัพสหรัฐฯ จะจูงใจคนให้เข้ามาเป็นทหารอย่างสมัครใจด้วย “ผลประโยชน์” แต่ในเมื่อทหารก็เป็นแค่อาชีพหนึ่ง “ผลตอบแทน” จึงมีความสำคัญ ในเมื่อหน้าที่ของพวกเขายิ่งใหญ่ ผลตอบแทนก็ควรคุ้มค่าที่จะเสี่ยง