เมื่อคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า และเพิ่มความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทำให้การสักคิ้วได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีรูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติและดูสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้รอบด้านทั้งก่อนและหลังการสักด้วย
คิ้ว 3 มิติ กับ คิ้ว 6 มิติ แตกต่างกันอย่างไร
การสักคิ้ว 3 มิติ โดยทั่วไปที่ทำกันในวงการคิ้วปัจจุบัน ก็คือการสักคิ้วมิติลายเส้นที่เลียนแบบขนคิ้วจริง กับอีกแบบคือการสักคิ้วแบบการสักสไลด์เฉดสีคิ้วเลียนแบบการเขียนคิ้วทั่วไป
ส่วนการสักคิ้ว 6 มิติ จริงๆ เเล้วเป็นชื่อเรียกเชิงเปรียบเทียบ สำหรับคำนี้เป็นการบัญญัติคำขึ้นของ Mr.David Zhang จากประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างเป็นกลยุทธ์ทางตลาด เพื่อสร้างความโดดเด่นในผลงาน โดยเกิดจากประสบการณ์ และใช้เทคนิคในงานสักคิ้วที่มีความละเอียด ดูพลิ้วเหมือนจริงมากขึ้น
ประโยชน์ของการสักคิ้ว
ทำให้รู้สึกเหมือนมีคิ้วจริง มีเส้นขนพลิ้ว เหมือนธรรมชาติ แก้ปัญหาคิ้วบาง คิ้วไม่เป็นรูปทรง ไม่ต้องเสียเวลาในการเขียนคิ้ว ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์เขียนคิ้ว สามารถออกแบบโครงสร้างคิ้วก่อน ได้ตามใจเราต้องการ เสริมบุคลิกให้ดูดีเหมาะกับตัวเรา เพิ่มความสวยสร้างความมั่นใจ ไม่ต้องกลัวคิ้วหาย
ผลข้างเคียงจากการสักคิ้ว
แม้จะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย แต่ผู้ที่สักคิ้วควรหมั่นสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพ หากพบสิ่งผิดปกติ ควรสอบถามสถานประกอบการที่ไปสักมา หรือปรึกษาแพทย์ทโดยปัญหาที่อาจพบได้หลังการสักคิ้ว ได้แก่ ได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ และแก้ไขได้ยาก เกิดการอักเสบ
หรือเกิดตุ่มเนื้ออักเสบเล็กๆ นูนขึ้นใต้ผิวหนังรอบๆ รอยสัก ผิวหนังเกิดอาการแพ้ เช่น บวม คัน มีรอยแตก ผิวลอกออก หรือมีตุ่มพองใส มีรอยแผลเป็น หรือมีเนื้อเยื่อก่อตัวเป็นแผลเป็นขึ้นจำนวนมาก ติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อต่าง ๆ ที่เป็นอันตราย เช่น ติดเชื้อเอชไอวี ติดโรคไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น
ก่อนสักคิ้วต้องทำอย่างไรบ้าง
1. ถามตัวเองก่อนว่าต้องการจะสักคิ้วจริงๆ ใช่หรือไม่ เพราะการสักคิ้วถึงแม้ว่าจะทำให้ดูมีคิ้วที่สวยตั้งแต่ตื่นนอนเลย ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงอะไร เห็นได้จากข่าวที่มีคนติดเชื้อจากการสักคิ้ว หรือได้รูปคิ้วผิดแปลกไปกว่าเดิมและแก้ไขได้ยาก
2. เลือกร้านสักคิ้วให้ดี เรื่องความน่าเชื่อถือของร้านเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ก่อนการตัดสินใจสักคิ้ว รวมถึงช่างสักด้วยที่จะต้องมีความรู้และประสบการณ์ เนื่องจากปัจจุบันมีการเปิดสอนสักคิ้วกันเป็นจำนวนมาก และมีช่างสักคิ้วเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งแต่ละสถาบันก็มีมาตรฐานและคุณภาพแตกต่างกัน
3. คำนึงถึงราคาและคุณภาพ เนื่องจากปัจจุบันนี้การสักคิ้วเป็นที่นิยมกันมาก และมีให้เลือกหลายร้าน สำหรับเรื่องราคาก็จะมีหลายราคา ตั้งแต่หลักพันบาทจนถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งสามารถเลือกได้ตามงบประมาณที่ต้องการ และเลือกได้ว่าจะสักกับช่างคนไหน ทั้งนี้ฝีมือก็ต่างกันจึงควรศึกษาและดูราคาให้ชัดเจน ว่าราคางบประมาณที่เราต้องการ ผลงานจะออกมาสวยพอใจหรือไม่
4. ควรรู้ถึงน้ำหมึกที่ใช้สักและยาชาที่ใช้ เพราะยาชาปัจจุบันมีหลายชนิด ซึ่งราคาถูกและราคาแพงก็แตกต่างกัน หากเป็นยาชาที่มีคุณภาพสูง จะทำให้เกิดการเจ็บและอักเสบน้อยกว่า ส่วนน้ำหมึกที่ใช้สักก็สำคัญมาก เนื่องจากจะมีผลที่ทำให้ติดและไม่ติดทนนานได้ ต้องดูเรื่องคุณภาพของสีว่าเป็นสีราคาถูกหรือสีปลอมหรือไม่
5. ควรทราบถึงอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ด้วย เพราะมีหลายประเภทหลายชนิด แล้วแต่ลักษณะการใช้งานสัก ซึ่งถ้าเป็นลายเส้นก็จะใช้ใบมีดที่มีความคมมากๆ และจะทำให้ไม่เจ็บ แต่ถ้าเป็นการสักคิ้วสไลด์ทึบก็จะใช้เครื่องสักไฟฟ้าที่มีรอบสั่นสะเทือนสูงในการสัก แต่ปัจจุบันมีเครื่องสักที่เป็นระบบดิจิตอลที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้สีสักติดได้ง่ายและติดทนนานได้ดี
หลังสักคิ้วต้องทำอย่างไรบ้าง
1. หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณคิ้วอย่างน้อย 5-7 วัน และสามารถทำความสะอาดคิ้วอย่างเบามือ โดยใช้ผ้าสะอาดซับเบาๆ ให้แห้งทันทีที่โดนน้ำ
2. หลีกเลี่ยงการโดนครีม Make up Remover หรือ Moisturizer ต่างๆ เนื่องจากจะทำให้เส้นสีแตกตัว ยกเว้นครีมบำรุงที่แนะนำเท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากการสักปากชมพู ที่ต้องทาลิปกลอสให้ชุ่มตลอด เพื่อให้สีเนียนเสมอกัน
3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย การซาวน์น่า การโดนแดดจัดๆ ไม่ควรทำให้มีเหงื่อออกมากๆ ห้ามแกะ ห้ามเกา หรือสัมผัสรุนแรงเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อักเสบติดเซื้อ และเส้นสีคิ้วหลุดได้
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ของหมัก ของดอง และอาหารที่มีรสจัดเผ็ดร้อน เนื่องจากธาตุร้อนต่างๆ จะขับสีออกมากับเหงื่ออาจจะทำให้สีไม่ติดได้
5. หมั่นทาครีมบำรุงที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำเท่านั้น หลังการสักอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อวัน ในกรณีที่คันมีสะเก็ดหลุด