โตโยต้า RAV4 พลังไฟฟ้า

ภาพจาก stuff.co.nz

หากจะพูดว่า โตโยต้า คือเจ้าแห่งรถยนต์พลังงานลูกผสมแบตเตอรี่ไฟฟ้า-เครื่องยนต์สันดาปหรือไฮบริด ก็คงจะไม่ผิดนักนะครับ แต่ถ้านึกภาพโตโยต้า กับรถพลังงานไฟฟ้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือ EV (Electric Vehicle) ให้นึกอย่างไรก็ยังนึกไม่ออกครั

ที่ผ่านมาสื่อต่างประเทศเคยยกให้ค่ายรถ 3 ห่วงจากญี่ปุ่น คือ คิง ออฟ ไฮบริด นับตั้งแต่เปิดตัว พรีอุส และต่อยอดระบบไฮบริดในรถยนต์หลากหลายรุ่น น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ พรีอุส ซึ่งเป็นรถพลังงานลูกผสมที่ reasonable มากที่สุด ทั้งสมรรถนะและราคา ไม่ทำตลาดในบ้านเราแล้ว เนื่องจากปัญหาเรื่องภาษี

อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่า โตโยต้า ก็มีแผนที่จะผลิตรถพลังงานไฟฟ้าล้วนออกมาสู่ตลาดกับเขาเหมือนกัน หลังปล่อยให้ เทสล่า เอ็มจี นิสสัน เอาดี้ จากัวร์ ฮุนได เกีย และรถจากประเทศจีนหลากหลายยี่ห้อเปิดตัวชิงตลาดยกแรกกันไปก่อนหน้านี้แล้ว

โดยเจ้ารถ EV ที่โตโยต้าเตรียมส่งเข้าประกวดนั้น คาดว่าจะเป็นรถเอสยูวีรุ่นในฝันของใครหลาย ๆ คนอย่าง RAV4 ที่เตรียมส่งออกมาทำตลาดในยุโรปและอเมริกาเหนือในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนบ้านเราไม่ต้องสืบครับ ร้องเพลงรอกันมาตั้งแต่ RAV4 รุ่นแรก ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปโน่นแล้ว

อย่างไรก็ดี ชื่ออย่างเป็นทางการของรถพลังไฟฟ้าโมเดลนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง บางกระแสบอกว่าอาจจะใช้ชื่อ BZ ที่มาจาก Beyond Zero หรือการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์นั่นเอง ซึ่งจากนี้ก็คงต้องจับตาดูว่า รถ EV โมเดลแรกอย่างเป็นทางการของโตโยต้าจะหน้าตาออกมาเช่นไร

สำหรับผมแล้วมองว่า การขยับตัวครั้งนี้น่าจะเป็นเพียงแค่การมีส่วนร่วมในตลาดรถพลังไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้่นไปเป็นเบอร์หนึ่งของรถ EV แต่อย่างใดครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทสัมภาษณ์ของ อากิโกะ โตโยดะ ประธานใหญ่โตโยต้า มอเตอร์ ที่มองว่าการผลักดันรถ EV บางทีอาจเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ก็ได้

ประธานโตโยต้าบอกว่า หากวันหนึ่งมีการใช้รถ EV กันแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ วันนั้นกระแสไฟฟ้าคงหมดประเทศ! ประเด็นนี้น่าสนใจมากครับ เพราะไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ก็มาจากถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และนิวเคลียร์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนอีกมหาศาลเลยทีเดียว

ฉะนั้น RAV4 พลังไฟฟ้า ที่เตรียมเปิดตัวในยุโรป อาจเป็นเพียงตัวประกอบของโตโยต้าก็เป็นได้ เพราะฟังจากแนวคิดท่านประธานใหญ่แล้ว บางทีค่ายรถยักษ์ใหญ่เจ้านี้อาจจะซุ่มคิดการใหญ่ ที่เป็นการพลิกโฉมวงการยานยนต์อีกครั้งก็เป็นได้ ใครจะไปรู้