เหตุใด เราจึงควรเรียนรู้ให้มากกว่า 1 หรือ 2 ภาษา

โลกไร้พรมแดน ทำให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลกสามารถติดต่อสื่อสารกัน ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ ทำให้เราพูดคุยกับคนชาติใดก็ได้ที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ปัจจุบัน การรู้แค่ภาษาอังกฤษมันไม่พออีกต่อไป เพราะภาษาอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการศึกษาและวงการธุรกิจมากขึ้น ใช้กันหลากหลายขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถรู้ภาษาได้มากกว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะช่วยให้เราได้เปรียบคนอื่น ๆ ดังนี้

สารพัดโอกาสเกี่ยวกับงาน

การที่เรารู้มากกว่า 1 หรือ 2 ภาษา จะช่วยเพิ่มสารพัดโอกาสที่เกี่ยวกับงาน เช่น ไปทำงานต่างประเทศ ทำงานกับบริษัทต่างชาติ เพิ่มโอกาสในการได้งาน โดยหลาย ๆ บริษัทจะขอดูผลการทดสอบทางภาษา ภาษาไหนบ้างก็ตามตำแหน่งงาน (บางที่ให้ค่าภาษาด้วย) ก็มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหรือเพิ่มเงินเดือน จากความรู้ทางภาษา ทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ที่สำคัญ โอกาสจะตกงานก็น้อยกว่าคนที่รู้แค่ภาษาไทยด้วย เพราะเป็นบุคลากรที่มีประโยชน์

ช่วยเปิดโลกในการสื่อสาร

คนที่รู้ภาษาอย่างน้อย 3 ภาษา ก็สามารถสื่อสารกับคนได้อย่างน้อย 3 ชาติ และยังสื่อสารกับคนประเทศอื่นได้อีก เพราะหลาย ๆ ประเทศใช้ภาษาอื่นเป็นภาษาราชการ เช่น อังกฤษ จีนกลาง ที่เป็นภาษาราชการของประเทศอื่นที่ไม่ใช่อังกฤษกับจีน เราจึงสื่อสารกับคนชาตินั้น ๆ ได้ด้วย ในโลกที่ไร้พรมแดงเช่นนี้ หากไม่ติดต่อกับคนชาติอื่นเลย ชีวิตคงไร้สีสันแย่ ดังนั้น การที่รู้มากกว่า 1 หรือ 2 ภาษา ก็จะทำให้เราสื่อสารกับคนที่ไม่ใช่คนไทยด้วยกันสนุกขึ้น

ช่วยเปิดโลกกว้าง

ต่อจากเรื่องของการสื่อสาร การรู้หลาย ๆ ภาษาทำให้เราจะสื่อสารกับคนชาติไหนก็ได้ และเราก็จะไปเที่ยวที่ไหนบนโลกก็ได้เช่นกัน นอกเหนื่อจากเรื่องของการสื่อสารและการท่องเที่ยว ภาษายังช่วยให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แฝงมากับภาษา พูดง่าย ๆ ก็คือ สมมติว่าเรารู้ภาษาญี่ปุ่น เราก็จะเข้าใจความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ หรือวิถีชีวิตของคนประเทศญี่ปุ่นได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างวัฒนธรรมได้ด้วย

ทำให้เราฉลาดขึ้น

การเรียนภาษาที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้มีประโยชน์แค่ให้เรารู้ภาษามากขึ้นเท่านั้น แต่การเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ มันทำให้เราฉลาดขึ้นได้ด้วย เพราะสมองก็เหมือนกับมีด ยิ่งลับยิ่งคม ยิ่งใช้ยิ่งฉลาด ถึงแม้ว่าการเรียนภาษาใหม่จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเรียนรู้ภาษานั้นช่วยให้สมองของเราได้ทำงานนอกเหนือจากที่ทำในชีวิตประจำวัน ฝึกแก้ปัญหา ได้เรียนรู้ ได้จดจำ ได้รฝึกออกเสียง สมองที่ถูกลับให้คมอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยหยักในสมองมีมากขึ้น

ป้องกันโรคอัลไซเมอร์

นอกจากจะช่วยให้ฉลาดขึ้นแล้ว การเรียนภาษาที่ 2 ที่ 3 ยังป้องกันอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย อย่างที่บอกว่าการเรียนมันทำให้สมองได้ใช้งาน อีกทั้งแต่ละภาษาก็มีไวยากรณ์ การเรียงประโยค การใช้งาน การออกเสียงที่ไม่เหมือนกัน และพื้นฐานของคนที่จะเรียนภาษาได้ตลอดรอดฝั่งและใช้งานได้จริงต้องหมั่นท่องจำคำศัพท์ การเรียนแบบนี้ต้องใช้ทักษะการจำ ในเมื่อได้ฝึกจดจำอยู่ทุกวันก็ช่วยให้ห่างไกลอาการขี้หลงขี้ลืม ที่เป็นสัญญาณของโรคได้