จัดกระเป๋า ฝึกกางเต็นท์ แล้วออกไป Camping กันดีกว่า

หากพูดถึงการออกไปเที่ยว ไปพักผ่อนหย่อนใจแบบกลางแจ้ง ใกล้ชิดธรรมชาติ ชมนกชมไม้ เดินป่าขึ้นเขา ก็คงจะอดนึกถึงการเที่ยวแบบ Camping (แคมป์ปิ้ง) ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ถึงแม้ว่าในช่วงนี้บ้านเราจะเป็นช่วงฤดูหนาว ที่แดดออกจะแรงแสบผิวเกินไปหน่อย แต่อากาศเย็น ๆ สายลมเบา ๆ และท้องฟ้าที่สดใสปลอดโปร่ง ก็คงพอทำให้ลืมความร้อนจากรังสียูวีไปได้บ้าง

ไม่ใช่แค่การได้ไปอยู่ติดดินกินธรรมชาติเท่านั้นที่เราจะได้จากการเที่ยวแบบ Camping เพราะข้อดีของการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ คือการได้ใช้ชีวิตแบบชิล ๆ ต่างหาก คลายความเครียด แถมยังได้สร้างเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่บอกว่า คนที่ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ จะมีความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั่นก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อเรากลับจากการไปตั้งแคมป์

ฉะนั้น เหตุผลสำคัญที่ทำให้เราควรจะออกไป Camping กันนั้น ก็เป็นเพราะการเที่ยวแบบ Camping มันตอบโจทย์คนที่ต้องการ “ธรรมชาติบำบัด” สัมผัสธรรมชาติตั้งแต่ลืมตายันหลับตา ซึ่งนี่แหละคือการได้พักผ่อนจริง ๆ และยังได้เยียวยาจิตใจให้คลายทุกข์คลายโศก จากการใช้ชีวิตประจำวันที่จุกจิกจอแจแออัดแบบคนเมืองอีกด้วย

ข้อมูลจาก Camping with Kampgrounds of America (KOA) ได้ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนชอบออกไปตั้งแคมป์ มีดังนี้

สร้างความทรงจำ การตั้งแคมป์จะเป็นประสบการณ์ที่ครอบครัวไม่มีวันลืม เพราะเราจะได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวตั้งแต่เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางยันเก็บเต็นท์กลับบ้าน (หรือแม้แต่คนที่โซโล่เดี่ยวก็ยังมีความทรงจำดี ๆ) ทุกกิจกรรมที่ได้ทำในแคมป์จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป (ความทรงจำนี่แหละที่ทำให้ติดใจ)

สร้างความสัมพันธ์ การตั้งแคมป์ทำให้เราได้ใช้เวลาสุดพิเศษนี้กับครอบครัวหรือคนที่เรารัก จากการที่สมาชิกในบ้านต่างก็มีภาระหน้าที่แตกต่างกัน นี่จึงเป็นโอกาสดีในการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว ช่วยกันทำอาหาร เล่าเรื่องนั่นนี่ ก็ทำให้สายสัมพันธ์ถูกสร้างขึ้นมาได้

สร้างโอกาสในการเรียนรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ ทุกคนไม่ได้เกิดมาแล้วตั้งแคมป์ได้ กางเต็นท์เป็น เพราะการ Camping เราจะต้องทำอาหารนอกบ้าน นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ได้เดินป่า หรือได้สอนเด็ก ๆ ตกปลา ตรงนี้แหละ คือทักษะชีวิตใหม่ ๆ ที่ได้จากการ Camping

เป็นกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกาย การกางเต็นท์ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น กว่าจะกางเสร็จแบบที่ใช้นอนได้อย่างมั่นคงนั้น ก็ต้องมีเหงื่อออกกันบ้าง ขนาดบางคนที่ Camping ในรถ RV (Recreational Vehicle) หรือรถบ้าน ก็ต้องได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตลอดเวลาเหมือนกัน แถมยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้เลือกทำอีกมากมาย จะเดินป่า ว่ายน้ำ เล่นเกม อะไรทำนองนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือ การออกไปตั้งแคมป์ เราจะได้ออกกำลังกายนั่นเอง

คลายเครียด หากให้คนอเมริกันให้คะแนนระดับความเครียด 1-10 ของตนเอง ค่าเฉลี่ยความเครียดของคนอเมริกันอยู่ที่ 4.9 จากคะแนนนี้ทำให้เห็นว่าพวกเขามีความเครียดอยู่ในระดับปานกลางในแต่ละวัน การพาตัวเองออกไป Camping รับแสงแดด รับอากาศบริสุทธิ์ ไปทำกิจกรรมกับครอบครัว เพื่อนฝูง ก็จะช่วยชาร์จพลังชีวิตได้มากถึง 68 เปอร์เซ็นต์ การตั้งแคมป์จึงเป็นการหลีกหนีความเครียดในชีวิตประจำวัน ได้คลายความเครียด และได้อยู่ร่วมกับครอบครัว

การนอนในเต็นท์ การทำกับข้าว นั่งพูดคุยกันข้างกองไฟ นอนฟังเสียงธรรมชาติ และสูดไอดินกลิ่นหญ้า นี่แหละคือเสน่ห์ของการออกไป Camping ที่หาไม่ได้จากการเที่ยวแบบอื่น ดีไม่ดี เราอาจจะต้องฝึกกางเต็นท์และก่อกองไฟให้เป็นก่อน ถึงจะได้ฟีลการไปแคมป์ที่แท้จริง

ฉะนั้นแล้ว “ธรรมชาติ” ไม่ได้เพียงช่วยให้เราสุขภาพกายและใจดีเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณภาพในการทำงาน และประสบการณ์การใช้ชีวิตดีขึ้นด้วย

หากได้ลองไปสัมผัสประสบการณ์การเที่ยว Camping ดูบ้าง รับรองว่าจะติดใจ แน่นอนว่าการนอนในเต็นท์คงไม่นุ่มเหมือนนอนบนเตียง เวลาทำอาหารก็คงไม่สะดวกสบายเหมือนทำในครัวที่บ้าน พูดง่าย ๆ ว่า ก็คงจะมีอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่ก็ลำบากขึ้นมาอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งดี ๆ ในมิติอื่นของการตั้งแคมป์ยังรอให้เราออกไปค้นหา เพราะถ้าลองได้หลงใหลแล้ว คงยากที่จะถอนตัว

“วงการนี้ เข้าแล้วออกไม่ได้”