เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปมีการปรับเวลาให้กลับมาช้าลง 1 ชั่วโมงเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมายาวนาน โดยจะปรับเวลาใหม่ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาจะปรับเวลาให้ช้าลง 1 ชั่วโมงเช่นกัน แต่จะเป็นช่วงเวลา 02.00 น.ในวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายนพอดี
การปรับเวลาในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่บอกให้ทราบว่า “Daylight Saving Time” ได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากมีการขยายเวลาในช่วงกลางวันให้ยาวนานขึ้น ด้วยการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน
โดยฝั่งสหรัฐฯ จะเริ่มเร็วกว่าฝั่งยุโรป คือเวลา 02.00 น. ของวันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคม ขณะที่ยุโรปจะเริ่มในเวลา 01.00 น.ของวันอาทิตย์สุดท้ายในเดือนมีนาคม
การปรับเวลาไปมาเช่นนี้ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานกว่าปกติในช่วงฤดูร้อนและใบไม้ผลิ เนื่องด้วยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าช้านั่นเอง ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านสู่ฤดูหนาวที่ท้องฟ้ามืดเร็ว ก็จะปรับเวลาให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ส่วนคนที่สับสนเรื่องการปรับเวลา มักจะมีเทคนิคในการจำว่า “Spring Forward, Fall Back” นั่นหมายถึงฤดูใบไม้ผลิ (ซึ่งมาก่อนฤดูร้อน) ให้ปรับเวลาไปข้างหน้า ส่วนฤดูใบไม้ร่วง (ซึ่งมาก่อนฤดูหนาว) ให้ปรับเวลาย้อนกลับไปหรือให้ช้าลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวซึ่งบังคับใช้เป็นกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1996 หรือเมื่อ 24 ปีก่อนนั้น อาจจะเป็นการปรับเวลาครั้งสุดท้ายก็เป็นได้สำหรับในปีนี้ หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ลองหยั่งเสียงด้วยการจัดทำโพลสำรวจความเห็นของชาติสมาชิกในยุโรปเมื่อปี 2018 และพบว่า 84 เปอร์เซ็นต์จากประชากร 4.6 ล้านคน ใน 28 ประเทศ ต่างคิดเห็นตรงกันว่าควรยกเลิกการปรับเวลาดังกล่าว
จากนั้นในเดือนมีนาคม ปี 2019 รัฐสภายุโรป มีมติเห็นชอบต่อข้อเสนอในการยกเลิก Daylight Saving Time ด้วยเสียงท่วมท้น 410 : 192 เสียง ซึ่งหลังจากผ่านร่างกฎหมายและที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบแล้ว คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้เป็นกฎหมายตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป
แต่ถึงกระนั้น ชาติสมาชิกในยุโรปยังมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะปรับเวลาเป็นแบบใด ระหว่างฤดูร้อนถาวร (ปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง) ฤดูหนาวถาวร (ปรับเวลาช้าลง 1 ชั่วโมง) หรือใช้ระบบ Daylight Saving Time ตามเดิม
หากประเทศใดเลือกฤดูร้อนถาวร ก็จะปรับเวลาครั้งสุดท้ายของตัวเองในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ปี 2021 แต่ถ้าเลือกฤดูหนาวถาวร จะต้องปรับนาฬิกาครั้งสุดท้ายในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม 2021
ส่วนบ้านเราไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ จากการปรับเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด นอกเสียจากต้องเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิก EU หรือต้องติดต่อสื่อสารทำธุรกิจกับชาวต่างชาติที่อยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งอาจต้องเช็กให้ดีว่าประเทศนั้น ๆ เลือกปรับเวลาแบบใด เพื่อจะได้ไม่พลาดนัดหมายสำคัญต่าง ๆ
ที่มา : reuters.com