ในยุคที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนเปลี่ยนไป “อาชีพรับหิ้วสินค้า” จึงกลายเป็นช่องทางทำเงินรูปแบบใหม่ของพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง ที่ทำให้หลายคนหันมาทำเป็นอาชีพเสริมหรืองานอดิเรก เนื่องจากการรับหิ้วสินค้าลงทุนเพื่อแรงและเวลา แต่รายได้นั้นแทบจะมากกว่างานประจำที่เป็นอาชีพหลักด้วยซ้ำ
ทีมงาน Tonkit360 ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่ทำอาชีพนี้ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการรับหิ้วสินค้า เดิมทีทำเป็นงานอดิเรก ก่อนจะกลายเป็นอาชีพหลักมาได้ประมาณ 3 ปี เริ่มมาจากการเห็นเพจเซลล์โปรโมทงานเซลล์ แล้วรู้สึกว่าน่าไป เลยอยากไปดู จากนั้นก็เห็นคนคอมเมนต์ว่ารับหิ้ว ก็เลยลองคอมเมนต์บ้าง เพราะตั้งใจจะไปดูของอยู่แล้ว แล้วจึงแชร์โพสต์งานเซลล์นั้นมาที่เฟซบุ๊กส่วนตัว พอเพื่อนในเฟซบุ๊กเห็นก็อยากได้ของ เขาเลยฝากหิ้ว ก็เลยไปดูให้ตัวเองและดูให้เพื่อนด้วย
เป็นการเริ่มต้นรับหิ้วที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำจริงจัง ครั้งแรกที่ไปก็ยังไม่ได้หิ้วอะไร แต่ก็ตั้งกลุ่มรับหิ้วไว้ในไลน์ มีคนกดเข้ากลุ่มจากคอมเมนต์ที่โพสต์ไว้บ้าง พอมีงานใหญ่ ๆ ที่น่าสนใจก็ไปโพสต์คอมเมนต์รับหิ้วไว้อีก คนก็เข้ากลุ่มมาเพิ่ม เมื่อได้ไปถ่ายรูปหน้างานจริง ลูกค้าเลยกล้าสั่งของ แรก ๆ ก็ได้แค่ 1-2 ชิ้น กำไรไม่คุ้ม แต่พอได้ลูกค้าเข้ากลุ่มเพิ่มขึ้น เผื่องานหน้าเขาอาจสั่งอีก จากนั้นลูกค้าก็เข้ากลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ
เรื่องของรายได้ที่หลายคนสงสัยว่า รับหิ้วสินค้ารายได้ดีจริงหรือ? ผู้ให้สัมภาษณ์เล่าให้ฟังว่าจริง ๆ งานเซลล์ไม่ได้มีทุกวัน ฉะนั้นจะต้องทุ่มเทเวลาและกำลังมาก ๆ รายได้ดีไม่ดีขึ้นอยู่กับงานด้วย ถ้าเป็นงานใหญ่ ของเยอะ ราคาดี และมีคนสนใจมาก รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 4,000-6,000 บาทต่องาน แต่ถ้าเป็นรายได้ต่อเดือนก็จะอยู่ที่ราว 20,000-40,000 บาท บางเดือนก็อาจจะถึง 50,000 บาท สำหรับสินค้าที่รับหิ้วแล้วได้ผลตอบแทนดีที่สุด คือรองเท้าผ้าใบ เพราะค่ารับหิ้วจะสูงอยู่ที่คู่ละ 150 บาท
การจะเริ่มต้นทำอาชีพรับหิ้วสินค้าขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน บางคนวางแผน สร้างร้าน สร้างกลุ่ม สร้างเพจให้ดูดีและน่าเชื่อถือก่อน ถึงค่อยรับหิ้ว บางคนอยากหิ้วก็ไปหน้างานเลย แล้วก็โพสต์หน้าเฟซบุ๊กว่ารับหิ้ว อยู่หน้างานแล้ว แบบนี้ก็ได้ บางคนก็ไปฝากร้านตามเพจเซลล์ว่ารับหิ้ว สร้างกลุ่มให้ลูกค้าเข้ากลุ่ม และลงรูปในกลุ่ม บางคนไม่สร้างกลุ่มก็ถ่ายรูปโพสต์หน้าเฟซบุ๊ก ให้ลูกค้าสั่งทางอินบ็อกซ์ได้เลย วิธีนี้ก็จะง่ายที่สุดและสะดวกสุด
ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ลูกค้าเชื่อใจนั้นมีหลายปัจจัย ตั้งแต่ปริมาณลูกค้าในกลุ่ม ขนาดร้าน ถ้าร้านใหญ่ลูกค้าเยอะ ลูกค้าใหม่ ๆ จะเชื่อใจมากกว่า รีวิวจากลูกค้าก็สำคัญ เมื่อได้รับของแล้วลูกค้าถ่ายรีวิวลงกลุ่ม ลูกค้าใหม่เห็นก็จะเชื่อใจว่าร้านนี้หิ้วจริงส่งจริง การถ่ายสินค้าหน้างานอัปเดทของแบบเรียลไทม์ โพสต์ลงกลุ่มก็สำคัญ ลูกค้าจะได้เห็นว่าเราอยู่หน้างานจริง และสำคัญที่สุด ก็คือความจริงใจของเราต่อลูกค้า ถ้าร้านเราดีลูกค้าก็จะมารีวิวให้เอง
สุดท้าย ผู้ให้สัมภาษณ์ได้ฝากถึงข้อดีและข้อเสียของอาชีพรับหิ้วสินค้าไว้ด้วยว่า ข้อดีคือเป็นอาชีพทีไม่จำเป็นต้องใข้วุฒิการศึกษา เรียนระดับไหนก็สามารถทำได้ เป็นงานที่มีความเป็นอิสระที่จะทำงานเมื่อใดก็ได้ จะทำตอนที่สะดวก หรือจะหยุดงานก็ได้ ที่สำคัญ รายได้อาจจะมีหลักพันบาทต่อวันเลยทีเดียว แต่ข้อเสียของอาชีพนี้ ก็คือถ้าไม่มีงานเซลล์ ก็อาจมีความเสี่ยงต่อเรื่องของรายได้เช่นกัน ไม่มีสลิปเงินเดือน ทำให้การทำบัตรเครดิตหรือกู้ซื้อบ้านซื้อรถยากขึ้น และเป็นงานที่ต้องลงแรงบวกเวลา ถ้าหยุดหรือลา รายได้ก็จะกลายเป็นศูนย์