
ในโลกไซเบอร์ตอนนี้ กำลังตื่นตัวกันอย่างมาก หลังจากมีมัลแวร์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า WannaCry Ransomware คุกคามไปทั่วโลก โดยเว็บไซต์ดัง TheVerge.com รายงานว่า หลังจากมีการโจมตีผ่านช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีองค์กรต่างๆ กว่า 10,000 แห่ง และผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวอีกราว 200,000 คน รวมแล้วกว่า 150 ประเทศทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากมัลแวร์นี้ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
มัลแวร์ดังกล่าวถูกปล่อยโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า Shadow Brokers ซึ่งจะแฝงมากับไฟล์แนบต่างๆ หากใครเผลอไปคลิกดาวน์โหลด จะส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของตัวเองในคอมพิวเตอร์ได้ เพราะมัลแวร์ WannaCry จะเข้าไปล็อกระบบการทำงาน จนกว่าจะมีการไขรหัสเพื่อปลดล็อก
หากเหยื่อต้องการให้คอมพิวเตอร์กลับมาใช้การได้ปกติดังเดิมก็ต้องยอมจ่ายค่าไถ่ตามที่คนร้ายเรียกมา โดยมีการกำหนดเวลาเส้นตายในรูปแบบนาฬิกาถอยหลังไว้ด้วย จึงเรียกกันว่า “มัลแวร์เรียกค่าไถ่” ซึ่งคนร้ายจะเรียกค่าไถ่เป็น “บิทคอยน์” (Bit Coin) หรือสกุลเงินในรูปแบบดิจิตอลที่จะไม่ผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน
สำหรับวิธีป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ของเราติดมัลแวร์นั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แนะนำไว้ดังนี้
1.ไม่เปิดเอกสารแนบอีเมลโดยไม่จำเป็น ควรตรวจสอบที่มาของไฟล์ที่แนบมาให้แน่ใจก่อนเปิดอ่าน
2.ปรับปรุงระบบปฏิบัติการ หรือ OS ของระบบวินโดว์สให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
แต่หากพบว่าเครื่องติดมัลแวร์แล้ว ให้ปิดเครื่องและแจ้งผู้ดูแลระบบ หรือติดต่อ Online Complaint Center โทร. 1212