เมื่อความต้องการของคนดูไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในที่สุดสถานการณ์ก็กลับมาเป็นเหมือนปกติเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ แม้จะมีชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal ที่ทำให้การปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้งที่หยิบจับสัมผัสพื้นที่สาธารณะ หรือการกินอาหารร่วมกันที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น และชีวิตวิถีใหม่ก็เป็นในทุกวงการของสื่อ แม้กระทั่งการออกกองเพื่อถ่ายทำรายการ ละคร หรือภาพยนตร์ก็ต้องมีข้อปฏิบัติที่ต้องทำร่วมกัน

และการกลับมาใช้ชีวิตที่เกือบปกติอีกครั้ง น่าจะทำให้แวดวงสื่อได้คึกคักกันไม่ใช่น้อย เพราะกองละครที่ต้องหยุดไปนานร่วมสองเดือน จนทำให้คุณผู้ชมต้องชมละครรีรันกันมาโดยตลอด รายการที่อัดในสตูดิโอไม่ได้ จนต้องเอาเทปรายการเก่ามายำรวมแล้วฉายซ้ำ หรือแม้กระทั่งการเปิดรายการใหม่ที่ยังต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม แม้ว่าจะถ่ายทำเสร็จแล้วเพราะเกรงว่าเรตติ้งจะตกแบบฮวบฮาบ หากออกอากาศในช่วงของการแพร่ระบาด

แต่การกลับมาเป็นปกติอย่างชัดเจนของรายการโทรทัศน์น่าจะเป็นช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกรกฎาคม เพราะนอกจากจะเป็นช่วงแห่งการโปรโมทแล้ว การแข่งขันฟุตบอลลีกต่างประเทศก็จะกลับมาด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการได้ชมเกมการแข่งขันที่รอคอย ขณะเดียวกันผู้ชมที่เริ่มเบื่อกับละครรีรัน เทปการแข่งขันที่เอามาเพลย์ซ้ำ ก็จะได้ดูของใหม่กันเสียที

เมื่อทุกอย่างกลับมารันแบบเกือบปกติ และมาตรการของรัฐที่ผ่อนคลายมากขึ้น นั่นหมายความว่าเหล่าเอเยนซีทั้งหลายก็ต้องเริ่มวางแผนในช่วงครึ่งปีหลัง เม็ดเงินในการโฆษณาก็จะกลับเข้าสู่วงการสื่ออีกครั้ง และน่าจะพอช่วยให้คนที่ทำงานในวงการนี้ยังพอหายใจต่อไปได้ แต่สิ่งที่จะเห็นหลังจากนี้น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการผลิตเนื้อหาของคนทำงานสื่อ

เพราะการระบาดของไวรัสทำให้ผู้ชมและผู้เสพข่าวสารหันไปหาโลกออนไลน์ และสตรีมมิ่งกันเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีที่ชมอยู่บ้างก็น่าจะเป็นแถลงประจำวันของศบค. โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ที่แต่ละวันมีลีลาตรึงผู้ชมทางบ้านได้มากกว่าพิธีกรมืออาชีพเสียอีก แล้วความเปลี่ยนแปลงอะไรที่จะส่งผลต่อผู้ชมและคนที่เสพสื่อ

คำตอบคือรูปแบบของรายการ ละคร และข่าว ต่อจากนี้จะต้องรับกับความต้องการของคนดูที่ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากได้ดูรายการ ซีรีส์ และข่าวจากต่างประเทศ หรือเสพคลิปของ Youtuber ทั้งหลายจนทำให้พวกเขารู้สึกสนุกและเคยชินกับคุณภาพแบบนั้นในรอบสองเดือน การกลับมาดูละคร รายการ หรือข่าว ในรูปแบบเดิม จะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับพวกเขาไปในทันที

เช่นนี้แล้วผู้ผลิตคงต้องทำการบ้านกันอย่างหนักมิใช่น้อย หากคิดจะนำเสนอแต่เนื้อหาและรูปแบบเดิม ๆ ทุกวันนี้คนดูทยอยหายไปเรื่อย ๆ จากสื่อเก่า แล้วไปติดตาม Youtuber หรือ Influencer ที่ผลิตเนื้อหาได้สนุกกว่าแบบไม่มีข้อจำกัด แล้วเรื่องแบบนี้เอเยนซีทั้งหลายนั้นไม่ปล่อยให้พลาด เพราะในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินโฆษณาที่ไปกับสื่อออนไลน์นั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เม็ดเงินในวงการโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ลดลงจนน่าใจหาย

การรับมือกับคลื่นระลอกสองของคนในวงการสื่อนั้นไม่ใช่ไวรัส หากแต่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้สื่อเก่าหายไปจากพื้นที่เดิมเร็วขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการปรับตัวให้ไปด้วยกันระหว่างแหล่งข้อมูลของสื่อเก่ากับความกระชับฉับไวของสื่อใหม่น่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว แต่เวลานั้นได้หมดลงไปแล้วจากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้บรรดาผู้ผลิตที่ยังต้องทำเนื้อหาแบบเดิม ๆ เพื่อประคองตัวเอง ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อาจต้องเจอกับฝันร้ายจากเรตติ้งตามมา ดังนั้น 6 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดของคนในวงการสื่อ ที่จะต้องพิจารณาหาทางรอดให้กับตนเอง ก่อนจะเจอแรงเหวี่ยงของเศรษฐกิจอีกครั้งในปีหน้า

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ