“Pele”จากสามัญสู่สูงสุด

“Pele”จากสามัญสู่สูงสุด

ช่วงนี้พอจะมีเวลาว่าง ผมเปิดไปเจอภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวประวัตินักกีฬาทางเคเบิ้ลทีวี ชื่อเรื่องว่า “Pele” ที่ตั้งตามนิคเนมของนักฟุตบอลจากบราซิลผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาลูกหนังโลก” ทำได้น่าสนใจและสนุกดีทีเดียวครับ ไม่เว่อร์และไม่เลี่ยนด้วย

หนังเรื่องนี้เลือกเอาชีวประวัติของ “เปเล่” ในช่วงต้นๆตั้งแต่วัยเด็กจนถึงการก้าวขึ้นมาติดทีมชาติครั้งแรก ได้ไปฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน และคว้าแชมป์เวิลด์คัพตั้งแต่อายุแค่ 17 เท่านั้น ด้วยสไตล์การเล่นแบบ “จิงก้า” ที่เน้นพรสวรรค์และจิตวิญญาณเฉพาะตัวแบบสุดๆ ถือเป็นลีลาที่ก่อกำเนิดมาจากแอฟริกาและมาเติบโตในบราซิล

ก่อนหน้านั้นไม่นานเป็นยุคที่วงการลูกหนัง “แซมบ้า” เริ่มเสื่อม เพราะลืมเลือนสไตล์การเล่นของตนเอง เดิน “ผิดทาง” พยายามเล่นในสไตล์ยุโรปให้ได้อย่าง สวีเดน หรือฝรั่งเศส จริงๆก็ไม่ได้เป็นเพียงครั้งเดียวหรอกนะครับที่บราซิล “หลงทาง” พยายามเล่นฟุตบอลแบบผิดธรรมชาติของนักเตะที่ตัวเองมีอยู่ ไม่น่าเชื่อนะครับ ระดับสุดยอดอย่าง บราซิล ยังพยายามไปเล่นในสไตล์ของชนชาติอื่น!!

ด้วยความเป็นเด็กตัวเล็กและที่บ้านมีฐานะยากจน “เปเล่” จึงต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยความยากลำบาก ด้วยข้อจำกัดมากมาย แต่อะไรก็ไม่เจ็บปวดเท่าคำถากถางของคน จนพ่อของเขาซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลเหมือนกันต้องออกมาเตือนว่า เมื่อไปถึงที่สวีเดนแล้วลูกจงตั้งใจเล่นในสไตล์ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปสนใจคำคนเยาะเย้ยหรือวิจารณ์“ปมด้อย”ต่างๆของเรา จนทำให้เราไขว้เขว

สุดท้าย “เปเล่” ก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกให้บราซิล และหลังจากนั้นยังพาทีมคว้าแชมป์อีก 2 หนในปี 1962 และที่สำคัญในปี 1970 ซึ่งหลายคนยกย่องให้เป็นทีมฟุตบอลชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โลกมนุษย์เคยมีมา (ไม่รู้เว่อร์เกินไปรึเปล่า) มี 3 ประสานอย่าง เปเล่-ทอสเทา และ แจร์ซินโญ่

ในสมัยนั้นนักข่าวกีฬาบ้านเราเขียนยกย่อง “เปเล่” ว่าเป็น“ไข่แม้วดำ” เอ๊ย “ไข่มุกดำ” ด้วยความที่แต่ก่อนการถ่ายทอดสดการแข่งขันมีน้อย จึงต้องใช้ตัวอักษรบรรยายเรียงร้อยแทนถ้อยคำชื่นชมความเก่งกาจของ “เปเล่” ซึ่งยิ่งไม่เห็นภาพ ยิ่งจินตนาการความสามารถของเขากันไปได้เพริด

ส่วนใหญ่ผู้คนจะชื่นชมทริคการเล่นแบบแปลกๆของเขา เช่น การเล่นลูกจักรยานอากาศ การเล่นลูกดัมมี่หรือลูกหลอกวิ่งข้ามบอล การยิงไกลลักไก่ผู้รักษาประตูที่ชอบออกมานอกเส้น ลูกเล่นเหล่านี้ “เปเล่” ล้วนเป็นต้นฉบับทั้งนั้น

“เปเล่” นั้นเก่งตรงสามารถทำประตูจากแทบจะทุกส่วนของร่างกาย เท้าขวา เท้าซ้าย ศีรษะ ถ้าเทียบกับ มาราโดน่า แล้ว เขาดูจะมีความสมดุลย์และมีทรงในการเล่นเป็นทีมมากกว่าด้วย

“ไข่มุกดำ”เคยมาเยือนเมืองไทยกับต้นสังกัดของเขา ซานโต๊ส เมื่อปี 2015 (ค.ศ. 1972) หลังพาบราซิลคว้าถ้วยจูลิเม่ต์ ไปครองเป็นกรรมสิทธิ์นั่นเอง ผมน่ะเกิดไม่ทันดูราชาลูกหนังโลกผู้นี้ในฟุตบอลโลกหรอกครับ แต่อาศัยหาวิดีโอดูตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง จะทันก็ตอน “เปเล่” ย้ายไปโกยเงินในสหรัฐอเมริกาแล้ว กับทีม นิวยอร์ค คอสมอส นั่นเอง

ไม่น่าเชื่อนะครับว่า พรสวรรค์ด้านฟุตบอลจะทำให้เขามาไกลได้ขนาดนี้ จากเด็กยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐีเป็นที่ยกย่องของคนทั่วโลก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ หยดน้ำตา และการต่อสู้

เรื่องของ “เปเล่” นั้นทำให้เราเข้าใจถึงสัจธรรมที่ว่า “ชาติกำเนิดไม่ได้ทำให้คนเราต่ำต้อย มีแต่การกระทำเท่านั้นที่ทำให้เราเป็น”