‘เคว้ง’ ซีรีส์ไทยออริจินัลเน็ตฟลิกซ์เรื่องแรก ที่สุดของความ ‘ตรงปก’

ด้วยแรงโปรโมตที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน หรือแม้กระทั้งบนพื้นที่สื่อและโซเชียลมีเดีย ที่เรียกได้ว่าต้องผ่านตากันมาทุกคนสำหรับ เคว้ง Netflix Original Series เรื่องแรกของไทยที่ผลิตโดย Netflix ว่าด้วยเรื่องของเด็กนักเรียนจำนวน 30+ คนต้องติดเกาะร่วมกันอย่างเคว้งคว้าง เนื่องจากคลื่นสึนามิพัดเข้าซัดเกาะที่พวกเขาอยู่ การเอาตัวรอดที่แสนเคว้งคว้างจึงเริ่มต้นขึ้น

และแน่นอนตามสูตร จะต้องมีตัวละครที่เป็นผู้นำ แบดบอย สติเฟื่อง นางเอกจิตใจโอบอ้อมอารี พระเอกหน้าคมที่เป็นลูกชาวประมงที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้อยู่แล้ว ตัวโจ๊ก และตัวประกอบอื่น ๆ อีกหลายชีวิตที่คอยเป็นตัวส่งเน้นความสำคัญให้ตัวหลักมากขึ้น

ตัวซีรีส์ว่าด้วยการเอาตัวรอดของเหล่าวัยรุ่นที่ดันซวยติดอยู่บนเกาะ อยู่กันด้วยความไม่รู้อะไรเลยเพราะสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ไม่รู้ว่าโลกภายนอกบนแผ่นดินเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะผ่านมากว่า 25 วันแล้วยังไร้ซึ่งการช่วยเหลือ ผสมกับเรื่องแฟนตาซีลึกลับเต็มไปด้วยปริศนาเหนือธรรมชาติที่เป็นปมใหญ่สร้างความเคว้งให้กับคนดูเป็นอย่างมาก แถมยังมีเรื่องของความรักวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊ดสไตล์รักสามเส้าเราสามคนให้คอยเชียร์ และเรื่องของความเป็นมนุษย์ที่พึ่งพาสัญชาติญาณและความคิดของตัวเองในวันที่เด็ก ๆ อยู่กันแบบไม่มีผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษา

สิ่งที่คอยขัดให้ตะขิดตะขวงใจตลอดระยะเวลาของการรับชม มีดังนี้

  • การติดเกาะเพราะภัยธรรมชาติเป็นเรื่องน่ากลัว แต่เด็ก ๆ เหล่านี้ยังดูชิลล์คล้ายกับมาเข้าค่ายอาสาอะไรสักอย่าง
  • สิ่งที่ขัดตาอย่างมากคือความสะอาดสะอ้าน การแต่งกาย ทรงผม ที่ไร้ซึ่งความมอมแมม ทำให้เราไม่อินไปกับความยากลำบากของธีมเรื่องแม้แต่น้อย จริงอยู่ที่สาธารณูปโภคยังพอมีให้ใช้ เช่น การอาบน้ำ ซักผ้า แต่มันควรทำให้เห็นความมแมแมมและรันทดมากกว่านี้หรือเปล่า
  • ความเป็น Master Mind ที่ไม่แข็งแรงพอของตัวละครหลักกับตัวประกอบที่หัวอ่อนมากเกินไป ด้วยคำพูดชักจูงเพียงไม่กี่คำและไม่มีน้ำหนักพอของตัวละคร กลับทำให้คนอื่น ๆ เห็นด้วยเป็นวรรคเป็นเวรเสียดื้อ ๆ และพร้อมถวายหัวปกป้องในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกอย่างไม่กังขา
  • การตัดสินใจและความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล *สปอยล์* ในซีนที่ตัวละครจำเป็นต้องเอาเสื้อผ้ามาตัดเย็บเพื่อจะทำใบเรือเพื่อการส่งคนออกจากเกาะ กลายเป็นว่ามีแต่คนหวงเสื้อผ้าของตัวเองเพราะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาสูง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นงงขึ้นมาว่า นี่มันเรื่องความเป็นความตายแต่ยังห่วงเรื่องเสื้อผ้าแบรนด์เนมกันอยู่อีกเหรอ แล้วพอตัดฉากไปห้องนอนของแต่ละคน จะเห็นได้ชัดว่าทุกคนมีเตียงนอนกันหมด ..เออ แล้วทำไมไม่ใช้ผ้าปูที่นอนกันตั้งแต่แรกล่ะในเมื่อมันมีมากและใหญ่พอด้วยซ้ำ เมื่อคิดได้ดังนี้ไดอะล็อกการหวงแหนเสื้อผ้านั้นจึงดูไร้สาระขึ้นมาทันที
  • ตัวละครสายฮาที่ติดเล่นกับทุกอย่าง ตรงนี้ไม่มีปัญหากับนิสัยของตัวละคร เพียงแต่บางฉากที่พวกนี้ได้ไปเจอกับความลึกลับเหนือธรรมชาติแต่กลับยังเฉย ๆ แถมสนุกไปกับเรื่องเหล่านั้น ผมนี่เป็นงงเลยทีเดียว

ผมมีความรู้สึกเหมือนถูกจับยัดใส่ในถังน้ำมัน 200 ลิตร แล้วโยนให้ลอยคว้างไร้ซึ่งทิศทางอยู่กลางมหาสมุทร จะจมก็ไม่จมจะลอยก็แค่ปริ่ม ๆ แต่ที่รู้สึกได้จริง ๆ คือความเคว้งคว้างจากปมในเนื้อเรื่องที่เป็นเหมือนคลื่นซัดกระแทกถังน้ำมันทำเอาผมกลิ้งไปมุมนั้นทีมุมนี้ทีมึนงงวิงเวียนไปหมด ด้วยการใส่ปมให้น่าติดตามแต่กลับถูกกลบให้แผ่วลงเมื่อปมอื่น ๆ ผุดขึ้น สุดท้ายสิ่งที่ได้รับหลังจากดูจบคือความ เคว้ง สมชื่อ

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ออกมาในรูปแบบนี้ก็อาจเป็นเพราะการทำงานร่วมกับ Netflix ซึ่งนอกจากจะให้ในเรื่องของทุนแล้วก็อาจมีด้านต่าง ๆ ร่วมด้วย ทั้งบทและอะไรต่อมิอะไร

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีแสงสว่างในความมืดมิด ด้านของ ภาพ แสง สี นับว่าเป็นสิ่งดีที่คอยดึงดูดสะกดสายตาให้จับจ้องอยู่กับหน้าจอ ประกอบกับ CG ที่สมจริงไม่ลอยจนขัดหูขัดตา รวมถึงการแสดงของนักแสดงที่ผ่านผลงานมาหลากหลายคอยอุ้มแบกคนอื่น ๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ในแต่ละฉากแต่ละตอนแม้การพูดบางประโยคจะดูฝืน ๆ ผิดธรรมชาติก็ตาม ซึ่งตัวซีรีส์มีความสนุกในแบบฉบับของตัวเองและแน่นอนว่ายังมีให้ติดตามต่อในซีซั่นหน้า(เพราะทิ้งปมให้สงสัยมากมายเหลือเกิน) บวกกับความเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ในตอนจบซีซั่น สำหรับใครที่สนใจรับชมก็สามารถดูได้แบบ 7 ตอนรวดที่ Netflix ได้เลยครับ

อนึ่ง การรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้เป็นการชักจูงใจใดใดให้ใครเห็นด้วยทั้งสิ้น ซึ่งผู้ชมคนอื่น ๆ อาจคิดในแง่อื่นที่ไม่เหมือนกันรวมถึงตัวคุณเองด้วย เพราะฉะนั้นลองไปดูซีรีส์ให้จบคุณอาจคิดเหมือนหรือไม่เหมือนผมก็ได้ ขอบคุณครับ