เอาชีวิตรอดในต่างแดนด้วย Travel Card กับเหตุผลที่ควรมีติดกระเป๋าไว้ซักใบ

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะเห็นสงครามบัตรเดบิต Travel Card ของธนาคารต่าง ๆ ที่ออกมาเอาใจสายท่องเที่ยวต่างประเทศกันโครม ๆ เชือดเฉือนกันด้วยเรทเงิน การให้บริการ และค่าบริการที่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น นั่นทำให้เราเริ่มเกิดความสนใจว่าไอ้บัตรนี้มันจะสะดวกสบายและช่วยเราได้แค่ไหนกันเชียวเวลาเราไปเที่ยว

ต้องบอกว่า สามารถทำให้เราเอาตัวรอดกลับประเทศได้ในเวลาขับขันเลยแหละ

เราเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้พกบัตรเครดิตไปเที่ยวด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่มีบัตร บางคนที่ยังเป็นเด็กอยู่ หรือบางคนไม่อยากทำ เพราะฉะนั้นการเที่ยวต่างประเทศที่เราเคยชินก็คือการแลกเงินไปในจำนวนที่เราคิดว่าพอดี อยู่ได้ช้อปได้เท่านั้น

แล้วถ้าเกิดเหตุอะไรที่เราต้องใช้เงินมากกว่านั้นขึ้นมาล่ะ

อย่างเช่นการต้องซื้อไฟล์ทใหม่ ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ต้องจองที่พักใหม่ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องใช้เงินนอกเหนือจากที่แพลนไว้ จะทำยังไงดี

บัตร Travel Card ที่ออกมาใหม่นี้เป็นเหมือนการนำเงินในธนาคารที่เรามีอยู่แล้วไปแลกเป็นเงินประเทศที่เราไป เป็นการนำเงินเก็บเรามาใช้ ไม่ใช่เงินในอนาคต เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมีอาชีพมีเงินเดือนมารองรับ เพียงมีบัญชีธนาคารธรรมดาเราก็สามารถมีบัตร Travel Card ได้แล้ว เอาง่าย ๆ คือเป็นบัตรเดบิตในคราบเครดิตนั่นเอง

แล้วบัตร Travel Card ต่างจากบัตรเครดิตยังไง

ส่วนใหญ่แล้วบัตรเครดิตหากใช้บริการในต่างประเทศจะต้องโดน ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน ที่มีทุกบัตรทุกธนาคารประมาณ 2-3% ของราคาที่เราจ่าย ต้องทำใจเอาไว้เลย แต่เมื่อเป็นบัตร Travel Card ที่เป็นเหมือนการรูดเงินในธนาคารเราออกไปจะไม่เสียค่าบริการตรงนี้ และยังสามารถกดเงินในตู้ ATM ที่ต่างประเทศได้ด้วย (แต่มีค่าบริการประมาณ 100 บาท)

ช่วยชีวิตเราได้ยังไง

บางอย่างที่เราวางแผนไว้ในการไปเที่ยวต่างประเทศอาจจะไม่เป็นไปตามแผนเสมอไป แลกเงินไปเท่านี้ แต่ดันใช้หมดก่อน แล้วไม่ได้พกเงินสดไปแลก จะทำยังไงดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุบางอย่างที่เราจำเป็นต้องใช้เงิน จำเป็นต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ซื้อไฟล์ทใหม่ หรือไม่อยากกดเงินในตู้ที่ต่างประเทศ เพราะจะโดนเรทเงินของธนาคารที่สูงและมีค่าบริการ 100 บาทขึ้นไป บัตร Travel Card ก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ส่วนใหญ่ทุกธนาคารจะแข่งกันที่เรทเงิน และบางธนาคารก็เคลมว่าถูกที่สุด

เราไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปก่อนด้วยซ้ำ เพราะสามารถแลกเงินแบบเรียลไทม์ได้ในแอปพลิเคชั่น อยากใช้เท่าไรก็แลกเท่านั้น หรือถ้าแลกมาแล้วใช้ไม่หมดก็สามารถแลกกลับได้

บริการเสริมที่จะได้มากับบัตร

ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้เราใช้บัตรอย่างเดียว แต่จะมีบริการอย่างเช่นประกันการเดินทาง ใช้บริการเลาจน์ที่สนามบินได้ฟรี เรทเงินที่ถูกกว่าปกติ บางทีมีส่วนลดในการจองโรงแรมด้วย แค่นี้ก็คุ้มจนไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว

แล้วจะเลือกธนาคารไหนดี ?

ตอนนี้บัตรเดบิต Travel Card ที่ออกมามีทั้งหมด 5 ธนาคาร นั่นคือ
– กรุงไทย
– TMB
– Citibank
– ไทยพาณิชย์
– กสิกรไทย
คงต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนแล้วล่ะว่าจะเลือกใช้บริการของเจ้าไหน เพราะมีความต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของแต่ละธนาคาร

คนที่เคยชินกับการเที่ยวต่างประเทศแบบแลกเงินสดไปเป็นปึก ๆ แยกเก็บไว้ตามที่ต่าง ๆ เผื่อหายจะได้มีเหลือใช้บ้าง คงต้องหันมามองบัตร Travel Card กันบ้างแล้ว ในยุค Cashless ที่กำลังจะมาถึง ลองไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมบัตร Travel Card ดูซักใบ อาจจะทำให้ติดใจจนอยากเที่ยวอยู่เรื่อย ๆ ก็ได้นะ