เป็นที่รู้กันดีโดยทั่วกันว่า การคมนาคม ในประเทศไทยนั้นมีคุณภาพอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการเลือกเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะอย่าง รถเมล์ รถตู้ประจำทาง รถบัสต่างจังหวัด ที่แค่เพียงก้าวเท้าขึ้นรถก็จะรู้สึกได้เลยว่ากำลังเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยง
ทั้งที่การใช้บริการรถโดยสารโดยการควักกระเป๋าตัวเองจ่ายไปนั้น สิ่งที่ได้รับคือความสะดวก(ไม่จำเป็นต้องถึงกับสบาย) แต่ทว่ากลับกลายเป็นต้องมาเจอกับทั้ง ความชำรุดเพราะสภาพที่เก่าของรถ พนักงานของรถโดยสารที่ดูเหมือนไม่อยากรับแขกทั้งวัน รวมถึงการยัดเยียดต่าง ๆ
ยกตัวอย่างข่าว(คาว)ล่าสุด กรณีที่นักศึกษามีเหตุต้องนั่งรถทัวร์จากนครราชสีมา ไปยังจังหวัดของแก่น โดยพนักงานหัวหมอได้บอกให้ขึ้นรถเพราะรถยังไม่เต็ม แต่เมื่อขึ้นรถไปแล้วกลับพบว่าทุกที่นั่งเต็มหมดแล้วและออกรถทันทีโดยไม่ถามความยินยอมจากกลุ่มนักศึกษาเลย พร้อมเก็บเงินค่าโดยสารตามราคาปกติและแก้ปัญหาโดยให้กลุ่มคนไม่มีที่นั่ง ยืนเกาะเบาะ หรือนั่งตามซอกบันไดและทางเดิน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
และนี่คือเหตุเล็กน้อยแต่เรื้อรังที่ผู้โดยสารทุกคนต้องเคยเจอ
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ใครที่เคยนั่งรถแบบระยะทางกลาง ๆ เช่น กรุงเทพฯ – ชลบุรี, กรุงเทพฯ – อยุทธยา ฯลฯ หรือแม้ในระยะสั้น ๆ ในกรุงเทพฯ คงต้องเคยสัมผัสกับประสบการณ์แย่ ๆ กันหลายครั้งหลายคราไม่ว่าจะเป็น
- ท่าทางของผู้ขับขี่ที่ไม่เป็นมิตร และสไตล์การขับรถที่ดุดันประหนึ่งว่ากำลังแข่งอยู่ในสนาม ทั้งที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่เต็มคันรถ ซึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาบอกได้คำเดียวเลยว่า ตายฟรี!
- การเบียดเสียดยัดเยียดจำนวนผู้โดยสารเกินมาตรฐาน ด้วยมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดคือ รถตู้โดยสารทั่วไปหนึ่งคันสามารถบรรจุผู้โดยสารได้สุด 15 ที่นั่ง แต่ที่เห็นได้ทั่วไปคือ มีการรับผู้โดยสารเพิ่มตามรายทางโดยการเสริมที่นั่งเพิ่ม ซึ่งไม่รู้ว่าค่าโดยสารที่ผู้โดยสารส่วนเกินจ่ายนั้นสุดท้ายแล้วเข้ากระเป๋าใคร แต่ที่สำคัญคือการกระทำโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร
- ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยปกติรถตู้โดยสารจะถูกติดตั้งเซนเซอร์ความเร็วที่เมื่อทำความเร็วเกินกว่ากำหนดเมื่อไหร่ จะมีเสียงดังขึ้น และส่วนใหญ่ก็ขับเร็วโดยไม่สนใจเสียงเตือน แม้ผู้โดยสารจะทักท้วงแล้วก็ตาม
การกระทำแบบเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับรถโดยสารสายใดสายหนึ่งเท่านั้น แต่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยความกระอักกระอ่วนล้วนตกมาอยู่ที่ผู้ใช้บริการที่ไม่สามารถทักท้วงใด ๆ ได้เลย ซึ่งการเป็นอยู่แบบนี้ยังคงมีมาอย่างเรื่อย ๆ ไม่มีการจับหรือปรับปรุงอย่างจริงจัง โดยที่ผู้ใช้บริการไม่มีทางเลือกมากนักจึงต้องตกเป็นผู้รับเคราะห์อยู่ร่ำไป