เรียนรู้กลเกมการเมืองจาก House of Cards

House of Cards ซีรีส์การเมืองสุดฮิตทาง Netflix นับเป็นซีรีส์ที่สะท้อนมุมมองทางการเมืองได้อย่างเสมือนจริง ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของนักการเมืองที่หลายคนหลงใหลแท้จริงแล้วอาจเต็มไปด้วยปลักตม 

หากใครได้ชมซีรีส์ชุดนี้และได้รู้จักกับ ครอบครัว “อันเดอร์วูด” คุณจะรู้ว่ากลเกมการเมืองที่แท้จริงแล้วไม่ได้เกินจากที่ซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนออกมา ดังที่ “แฟรงคลิน ดี รูสเวลต์” กล่าวเอาไว้ว่า “ในเกมการเมืองนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยความบังเอิญ ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนมาแล้ว” ดังนั้น Tonkit360 จะพาคุณไปดูบทเรียนทางการเมืองที่แท้จริง เมื่อรับชมซีรี่ย์ House of Cards 

5) การสาดโคลนเรื่องชู้สาวเป็นเรื่องปกติในเกมการเมือง 

มีคนบอกเอาไว้ว่าถ้าคุณต้องการผู้นำที่มีคุณธรรมและบริสุทธิผุดผ่องทั้งกายและใจ จงมองหาผู้นำทางศาสนาถึงจะเจอ เพราะบรรดานักการเมืองทั้งหลายนั้น มีบาดแผลบนตัวนับร้อยนับพันแห่ง ดีบ้างเลวบ้าง ปะปนกันไป 

ยิ่งถ้ามองไปที่เรื่องส่วนตัวของผู้มีอำนาจทางการเมืองแล้ว เรื่องฉาวๆบนเตียงนั้นเรียกได้ว่าเคยผ่านมาแล้วเกือบทุกคน และถ้าถูกแฉเมื่อไร ก็ได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านชนิดหยุดไม่อยู่ และ สร้างแรงสะเทือนต่อคะแนนความนิยมได้ไม่น้อย 

ดังเช่นในซีรี่ย์ House of Cards ที่ แฟรงค์ อันเดอร์วู้ดส์ มีความสัมพันธ์ลับๆ กับนักข่าวสาวเพื่อหวังใช้เธอในการเป็นฐานเสียงให้กับตนเอง หรือรสนิยมทางเพศของแฟรงค์ อันเดอร์วู้ดส์ ที่เคยมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเพื่อนชายสมัยเรียน แม้กระทั่ง แคลร์ อันเดอร์วู้ดส์ ภรรยาของแฟรงค์เองก็แอบไปมีความสัมพันธ์กับชู้รักช่างภาพ 

ทั้งหมดนี้ฟังดูคุ้นๆไหม..ใช่เรื่องแบบนี้ เคยเกิดขึ้นในการเมืองไทยเหมือนกัน ในต่างประเทศก็มี ดังนั้นเกมการเมืองกับการสาดโคลนเรื่องชู้สาวนั้นเป็นเรื่องปกติ มีให้เห็นกันทุกยุคทุกสมัยและเป็นเครื่องมือที่เรียกได้ว่าเป็นไม้ตายในการทำลายคู่แข่งได้อย่างชะงัดนัก 

4) นักการเมืองมืออาชีพจะแยกครอบครัวของจากการเมือง 

นักการเมืองส่วนใหญ่แล้วจะไม่ให้ความสำคัญกับครอบครัวนัก หรือ บางส่วนก็ไม่ให้ครอบครัวเข้ามายุ่งกับการทำงานการเมือง บรรดาแฟนการเมืองก็ไม่ต้องสนใจชีวิตครอบครัวของนักการเมืองนัก เพราะพวกเขาจะไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องของครอบครัวสักเท่าไร

และถ้าคุณคิดว่าคุณจะไปโหวตลงคะแนนให้นักการเมืองสักคนเพียงเพราะว่าคุณชอบภรรยาเขา หรือ ชอบลูกเขา ชอบ พี่น้องของเขา บอกเลยว่าอย่าทำ เพราะเหล่านักการเมืองไม่ได้แคร์ว่าครอบครัวจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับการทำงานทางการเมืองของพวกเขา 

เหมือนดังเช่นในซีรีส์ House of Cards ทั้งแฟรงค์ และ แคลร์ อันเดอร์วูด ที่แต่งงานกันด้วยความเหมาะสมทางการเมือง และต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ทั้งคู่ต่างก็พอจะมีความรักต่อกันอยู่บ้าง เพียงแต่ แคลร์เองก็เคยแทง แฟรงค์ ข้างหลัง ในขณะที่ แฟรงค์เองก็พยายามกดแคลร์ทุกวิถีทาง เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเองนั้นมีความทะเยอทะยานขนาดไหน

ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้เกินความจริงที่เป็นอยู่เลย เพราะนักการเมืองหลายคน ก็มีภรรยาเพื่อความเหมาะสม และ หลายคนก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของครอบครัวสักเท่าไร 

3) นักการเมืองมักมีมือไม้เพื่อทำเรื่องสกปรกอยู่ข้างกาย  

คนเหล่านี้ไม่เคยออกมาเจอแสงสว่าง พวกเขาจะทำงานอยู่ในเงามืดคอยสอดแนมความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง แล้วใช้ความลับที่เขาพบเจอมา ทำร้ายคู่ต่อสู้อย่างเลือดเย็น 

เหมือนดังที่ แฟรงค์ อันเดอร์วูด มีผู้ช่วยอย่าง ดัก สแตมเปอร์  ที่พร้อมทำงานทุกอย่างตามคำสั่งของ แฟรงค์ โดยไม่ทำให้มือของแฟรงค์นั้นต้องเปรอะเปื้อนแม้แต่น้อย และคนประเภทเดียวกับ ดัก สแตมเปอร์ นั้นมีอยู่จริง และมักเป็นเงาของนักการเมืองที่สนองคำสั่งในการทำงานสกปรก และยังเป็นมือเก็บกวาดเรื่องสกปรกที่เหล่านักการเมืองทั้งหลายสร้างเอาไว้ด้วย 

2) การเมืองหมายถึงเรื่องส่วนตัว 

การเมืองเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ทั้งพร้อมที่จะตอบสนองผลประโยชน์ เพราะถูกใจกัน หรือ พร้อมที่จะทำลายเพราะความแค้นแต่ครั้งเก่า 

และใน House of Cards แฟรงค์ ที่แอบมีสัมพันธ์ลับๆกับนักข่าวสาว ที่ต่างก็มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกัน โดยแฟรงค์ จะได้ประโยชน์จากนักข่าวสาวที่เขาสามารถดึงมาเป็นพวก ในขณะที่นักข่าวสาวก็ได้แฟรงค์เป็นแหล่งข่าวทำให้อาชีพการงานของเธอก้าวหน้า ความสัมพันธ์ส่วนตัวดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน 

เมื่อการเมืองเป็นเรื่องส่วนบุคคล นั่นก็หมายความว่า ความชอบ ความเกลียด อันเป็นพื้นฐานความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ก็ถูกดึงมาใช้ในเกมการเมืองด้วย ดังนั้นถ้ามีนักการเมืองพูดว่า “ผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน” ขอให้รู้เลยว่า เขาเอาเรื่องส่วนตัวความชอบไม่ชอบของตนเองมาใช้ในการทำงานการเมืองอย่างแน่นอน 

1) ไม่มีความจงรักภักดีที่แท้จริง 

เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรถ้าคุณจะได้เรียนรู้จาก House of Cards ว่าไม่มีใครจงรักภักดีต่อใครจริง เพราะเราได้เห็นการช่วงชิง หักหลัง หรือแม้แต่โกงกันซึ่งหน้าอยู่ในทุกEpisode และคนที่กลายเป็นเหยื่อของความเชื่อในเรื่อง ความจงรักภักดี คือตัวละครอย่าง ปีเตอร์ รุสโซ่ (ถ้าคุณอยากรู้ว่าเขามีโชคชะตาอย่างไรในซีรีส์ ขอให้ลองไปติดตาม House of Cards) 

ความหมายที่แท้จริงของคำว่า จงรักภักดี ที่ House of Cards บอกกับคนดูว่าคุณจะได้รับก็ต่อเมื่อ คุณมีประโยชน์ คุณสามารถหาโอกาสให้ได้ และ คุณมีจังหวะเวลาที่ดี เพราะความจงรักภักดี นั้นเหมือนกับตลาดหุ้น เพราะคุณจะถูกซื้อหรือขายก็ต่อเมื่อคุณมีประโยชน์กับคนอื่น และ ราคาของคุณจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อคุณสามารถเป็นตัวเชื่อมเพื่อสร้างโอกาสให้กับคนอื่นได้ และ คุณอาจเป็นหุ้นที่คนเลิกสนใจ เพราะคุณมีประสิทธิภาพในการสรรหาโอกาสได้ไม่ดีพอ