
ถ้าลองสังเกตผลโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง หรือเรื่องทั่วไป หากมีชื่ออดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” เข้ามาเกี่ยวข้อง การันตีได้เลยว่า ชื่อ “ทักษิณ” ไม่หลุดไปจากลำดับ 1-3 ของโพลนั้นแน่นอน
แล้วเหตุใดเล่าชื่อ ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่เคยจางหายไปจากประเทศไทย ทั้งที่ชายคนนี้ ไม่ได้กลับประเทศกว่า 10 ปี เมื่อเป็นเช่นนั้น ลองไปไล่เรียงเหตุผลที่คาดว่า ทำให้ชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ ยังมีอิทธิพลต่อการเมืองและประชาชนกัน ….
นโยบายขายฝัน ที่ประชาชนได้รับประโยชน์จริง
แม้ที่ผ่านมา หลายฝ่ายมองว่า นโยบายยุคทักษิณ ชินวัตร เป็น “นโยบายประชานิยม” ที่ใช้เรียกคะแนนเสียง แต่เชื่อหรือไม่ หลายนโยบายในยุคนั้น ประกาศใช้แล้ว เห็นผลได้จริง อีกทั้งผู้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ คือ ประชาชนเกือบทุกระดับของประเทศ และบางนโยบายที่ว่า ก็ยังใช้อยู่มาถึงปัจจุบัน แม้อาจถูกเปลี่ยนชื่อไปแล้วก็ตาม
สำหรับนโยบายขายฝัน ยุครัฐบาล ทักษิณ ที่เรานำมาฝาก อาทิ
30 บาท รักษาทุกโรค
ถือเป็นการปฏิรูประบบสุขภาพครั้งสำคัญของไทย ที่เปลี่ยนสถานะของบริการสาธารณสุขให้เป็นสิทธิของคนทุกคนอย่างเท่าเทียม ต่างจากอดีต ซึ่งมีคนจำนวนหนึ่งไม่อาจเข้ารับการรักษา ด้วยไม่มีเงินพอ เข้าไปใช้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน เพื่อยื้อชีวิตตนหรือคนในครอบครัว แต่เมื่อมีนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ก็เปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านี้ สามารถเข้าไปรับการรักษาภายในโรงพยาบาลที่ตนมีสิทธิรักษาแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
พักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อย เป็นเวลา 3 ปี
เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยซึ่งมีฐานะยากจน และประสบปัญหาด้านหนี้สินให้ได้รับการพักชำระหนี้ และลดภาระหนี้เป็นเวลา 3 ปี ส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ สามารถชำระหนี้คืนพร้อมดอกเบี้ย จนหลุดพ้นสถานะลูกหนี้ และบางคนถึงขั้นมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ ไปต่อยอดในการทำการเกษตร
โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน
นโยบายเรียนฟรี ที่รัฐบาลจัดสรรทุนการศึกษาให้นักเรียนไทยฐานะยากจนทั่วประเทศ ได้เรียนต่อระดับปริญญาตรีทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยหวังลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เรียกว่า เป็นการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ที่ให้ผลต่อการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว
นี่เป็นเพียงนโยบายแค่ไม่กี่อย่างที่ Tonkit360 นำมาฝาก ทั้งเชื่อว่า ประชาชนหลายคนน่าจะจดจำชื่อนโยบายขายฝันเหล่านี้ได้ดี
เศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินสะพัด
ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นรัฐบาล ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อประชาชนทุกระดับ และด้วยการแก้ปัญหาของ ทักษิณ ซึ่งมุ่งเคลียร์หนี้จากการกู้ยืมเงิน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อให้เศรษฐกิจไทยหลุดพ้นจากข้อจำกัดของ IMF
จากนั้น เริ่มผลักดันการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่ประชาชนทุกระดับ (ผู้ประกอบการไปสู่ชนบท) เพื่อให้ประชาชนสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตน ส่งผลให้เศรษฐกิจครัวเรือนดีขึ้น ไม่แปลกที่ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่า หลังรัฐบาลทักษิณเข้ามาบริหารประเทศไม่นาน เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน
รัฐบาลพรรคเดียว พรรคแรกในประเทศ
ใครจะเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร หนึ่งในบุคคลสำคัญของการเมืองไทย เป็นอดีตตำรวจที่ผันตัวสู่แวดวงธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ “เครือชินวัตร” ซึ่งครอบคลุมธุรกิจเกือบทุกด้านของสื่อสารโทรคมนาคมและสารสนเทศ ก่อนผันตัวมาชิมลางในเส้นทางการเมือง ตามคำชักชวนของ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และดูเหมือน ทักษิณ จะถูกโฉลกกับการเมือง ทุกครั้งที่ลงสนาม เขามักได้ตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเสมอ
กระทั่งปี 2541 ทักษิณ ได้ก่อตั้ง “พรรคไทยรักไทย” ขึ้น ก่อนประเดิมสนามเลือกตั้ง 2544 ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นครั้งแรก ด้วยชัยชนะถล่มทลาย หลังผู้สมัครได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ถึง 376 ที่นั่ง (จากจำนวน 500 ที่นั่ง) ส่งผลให้พรรคไทยรักไทย กลายเป็นพรรคการเมืองแรก ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ
ต้นแบบ “ชินวัตรโมเดล”

แม้พรรคไทยรักไทย พรรคเริ่มต้นของตระกูล “ชินวัตร” จะถูกยุบ ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังเดินบนเส้นทางการเมือง ด้วยการตั้งพรรคพลังประชาชน พร้อมส่ง สมัคร สุนทรเวช ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ ต่อมาไม่นาน พรรคพลังประชาชน ก็ถูกยุบ
ต่อมา ทักษิณ และเหล่าแกนนำ (ยุคพรรคไทยรักไทย) ได้ตั้งพรรคใหม่ คือ “พรรคเพื่อไทย” ก่อนดึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาปลุกกระแสพลังหญิงในแวดวงการเมือง ท้ายที่สุด ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกฯ หญิง คนแรกของประเทศไทย และถ้าสังเกตให้ดี พบว่า ทุกชัยชนะในศึกเลือกตั้งล้วนมี “เงาทักษิณ” แฝงอยู่ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ถึงการเมืองสไตล์ทักษิณ ถูกมองว่า เป็นปฏิปักษ์กับคนบางชนชั้น แต่ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของอีกหลายคน
และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ชายที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงธุรกิจ-การเมืองไทย ทั้งแง่ดี-แง่ร้าย ผู้นี้ กลายเป็นชื่อที่ไม่เคยจางหายไปจากพื้นที่สื่อในเมืองไทยเลย